หมอดู ทำนายอนาคต ได้ถูกต้องจริงหรือ
หมอดู ทำนายอนาคตได้ถูกต้องจริงหรือ
ในประเทศไทย หมอดูที่ ทำนายอนาคตได้ เป็นอาชีพที่มีรายได้ดีมาก ศาสตร์แขนงนี้มีอยู่จริง แต่หมอดูส่วนใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์ไม่รู้จริง ถ้ามีหมอดูเพียง 1 คนจาก 1,000 คน ที่หยั่งรู้อนาคตว่า สลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 งวดหน้าจะออกเลขอะไร ในขณะที่หมอดูอีก 999 คนทำนายแบบเดาสุ่ม ถามว่าถ้าคุณได้เลขเด็ดจากหมอดูทั้ง 1,000 คน คุณจะกล้าทุ่มซื้อหมดตัวหรือไม่ คำตอบก็คือ ใครจะกล้า เพราะไม่รู้ว่าหมอดูคนไหนคือคนหยั่งรู้จริง ดังนั้นเราไม่ควร ใส่ใจในคำทำนายของหมอดู
ในประเทศไทย หมอดูที่ ทำนายอนาคตได้ เป็นอาชีพที่มีรายได้ดีมาก ศาสตร์แขนงนี้มีอยู่จริง แต่หมอดูส่วนใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์ไม่รู้จริง ถ้ามีหมอดูเพียง 1 คนจาก 1,000 คน ที่หยั่งรู้อนาคตว่า สลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 งวดหน้าจะออกเลขอะไร ในขณะที่หมอดูอีก 999 คนทำนายแบบเดาสุ่ม ถามว่าถ้าคุณได้เลขเด็ดจากหมอดูทั้ง 1,000 คน คุณจะกล้าทุ่มซื้อหมดตัวหรือไม่ คำตอบก็คือ ใครจะกล้า เพราะไม่รู้ว่าหมอดูคนไหนคือคนหยั่งรู้จริง ดังนั้นเราไม่ควร ใส่ใจในคำทำนายของหมอดู
หมอดูบางคนใช้การวิเคราะห์
ถ้าการคิดเชิงอนาคตถูกต้องถึง 50 เปอร์เซ็นต์ก็เก่งแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ของโบรกเกอร์หุ้นที่ทำนายว่าหุ้นจะขึ้น หรือลง ปรากฏว่าให้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลยมาเดาว่าพรุ่งนี้หุ้น จะขึ้นหรือลง อัตราการเดาถูกอาจไม่แตกต่างจากการทำนายจากบริษัท โบรกเกอร์เลย บทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์มีข้อผิดพลาดมากมาย หลายครั้ง แต่การคิดแบบวิเคราะห์ที่มีเหตุมีผลรองรับจะทำให้ สามารถต่อยอดไปยังเหตุการณ์อื่น ๆ ต่อไปได้ และรู้ว่าเหตุใดจึง ไม่เกิดผลตามที่คาดหมายไว้ ในขณะที่การทำนายของหมอดูไม่มี เหตุผลใด ๆ ที่พิสูจน์ได้เลย
ในการยิงลูกโทษของกีฬาฟุตบอล สังเกตได้ว่าผู้รักษาประตู มักจะพุ่งไปคนละทางกับลูกฟุตบอลที่ยิงมามากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ถ้าใช้การเดาสุ่ม โอกาสเดาถูกคือ 50 เปอร์เซ็นต์ (ไม่ซ้าย ก็ขวา) เป็นเรื่องที่น่าประหลาดว่าการวิเคราะห์ของผู้รักษาประตูกลับมี เปอร์เซ็นต์ผิดพลาดมากยิ่งกว่าการเดาทิศทางของผู้รักษาประตู ด้วยเหตุนี้โอกาสเดาถูกของหมอดูที่เป็นหมอเดาจึงไม่ต่างกับการ วิเคราะห์ ทำให้หมอดูบางคนมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะทำนายได้ถูกต้อง
ถ้าการคิดเชิงอนาคตถูกต้องถึง 50 เปอร์เซ็นต์ก็เก่งแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ของโบรกเกอร์หุ้นที่ทำนายว่าหุ้นจะขึ้น หรือลง ปรากฏว่าให้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลยมาเดาว่าพรุ่งนี้หุ้น จะขึ้นหรือลง อัตราการเดาถูกอาจไม่แตกต่างจากการทำนายจากบริษัท โบรกเกอร์เลย บทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์มีข้อผิดพลาดมากมาย หลายครั้ง แต่การคิดแบบวิเคราะห์ที่มีเหตุมีผลรองรับจะทำให้ สามารถต่อยอดไปยังเหตุการณ์อื่น ๆ ต่อไปได้ และรู้ว่าเหตุใดจึง ไม่เกิดผลตามที่คาดหมายไว้ ในขณะที่การทำนายของหมอดูไม่มี เหตุผลใด ๆ ที่พิสูจน์ได้เลย
ในการยิงลูกโทษของกีฬาฟุตบอล สังเกตได้ว่าผู้รักษาประตู มักจะพุ่งไปคนละทางกับลูกฟุตบอลที่ยิงมามากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ถ้าใช้การเดาสุ่ม โอกาสเดาถูกคือ 50 เปอร์เซ็นต์ (ไม่ซ้าย ก็ขวา) เป็นเรื่องที่น่าประหลาดว่าการวิเคราะห์ของผู้รักษาประตูกลับมี เปอร์เซ็นต์ผิดพลาดมากยิ่งกว่าการเดาทิศทางของผู้รักษาประตู ด้วยเหตุนี้โอกาสเดาถูกของหมอดูที่เป็นหมอเดาจึงไม่ต่างกับการ วิเคราะห์ ทำให้หมอดูบางคนมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะทำนายได้ถูกต้อง
ใช้วิธีทายแบบครอบจักรวาล
หมอดูส่วนใหญ่มีความสามารถในการพูดกว้าง ๆ เพื่อให้ตีความ ได้ถูกต้อง เช่น ทำนายว่าคุณต้องแอบชอบใครอยู่ในใจ ซึ่งแน่นอน ว่าทุกคนก็ต้องมีอยู่แล้ว หรือคุณเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ ทำคุณกับ คนไม่ขึ้น ครอบครัวจะมีปัญหา ฯลฯ หรือมีคำทำนายมากมายที่ บอกไปแล้วถูกแน่นอน เช่น "คุณกำลังจะมีเคราะห์ แต่ถ้าตั้งสติ ก็จะแคล้วคลาด" ทำนายแบบนี้ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ถูกเสมอ ถ้ามีเคราะห์จริง ๆ ถือว่าทายแม่นมาก แต่ถ้าไม่มีก็ถือว่าโชคดีที่มา ดูหมอก่อน ทำให้แคล้วคลาด
ถ้าเป็นคำทำนายแบบครอบจักรวาล เช่น จะพบเนื้อคู่ภายในสามปี จะมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด จะประสบโชคอย่างไม่คาดฝัน จะมีปัญหาครอบครัว ฯลฯ คำทำนายแบบนี้ มีโอกาสถูกสูงมาก แม้คนทำนายจะไม่ใช่หมอดูก็ตาม หมอดูจะศึกษา ศาสตร์ทางด้านสถิติควบคู่กับการทำนายอนาคต ดังนั้นการดูดวง ก็คือศาสตร์ทางสถิตินั่นเอง ไม่ใช่ศาสตร์ที่เหนือธรรมชาติแต่อย่างใด
หมอดูส่วนใหญ่มีความสามารถในการพูดกว้าง ๆ เพื่อให้ตีความ ได้ถูกต้อง เช่น ทำนายว่าคุณต้องแอบชอบใครอยู่ในใจ ซึ่งแน่นอน ว่าทุกคนก็ต้องมีอยู่แล้ว หรือคุณเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ ทำคุณกับ คนไม่ขึ้น ครอบครัวจะมีปัญหา ฯลฯ หรือมีคำทำนายมากมายที่ บอกไปแล้วถูกแน่นอน เช่น "คุณกำลังจะมีเคราะห์ แต่ถ้าตั้งสติ ก็จะแคล้วคลาด" ทำนายแบบนี้ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ถูกเสมอ ถ้ามีเคราะห์จริง ๆ ถือว่าทายแม่นมาก แต่ถ้าไม่มีก็ถือว่าโชคดีที่มา ดูหมอก่อน ทำให้แคล้วคลาด
ถ้าเป็นคำทำนายแบบครอบจักรวาล เช่น จะพบเนื้อคู่ภายในสามปี จะมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด จะประสบโชคอย่างไม่คาดฝัน จะมีปัญหาครอบครัว ฯลฯ คำทำนายแบบนี้ มีโอกาสถูกสูงมาก แม้คนทำนายจะไม่ใช่หมอดูก็ตาม หมอดูจะศึกษา ศาสตร์ทางด้านสถิติควบคู่กับการทำนายอนาคต ดังนั้นการดูดวง ก็คือศาสตร์ทางสถิตินั่นเอง ไม่ใช่ศาสตร์ที่เหนือธรรมชาติแต่อย่างใด
โชคชะตาตามราศีเกิด
อย่างไรก็ตาม เรื่องของความเชื่อบางทีก็ไม่ต้องมีเหตุผล ทีม นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่งเห็นว่าการทำนายโชคชะตาตาม ราศีเกิดเป็นเรื่องไร้สาระ และพยายามหาเหตุผลมาหักล้างด้วยการ ทำงานวิจัยเชิงสำรวจมาเรื่องหนึ่ง เพื่อยืนยันว่า ราศีเกิดกับบุคลิกภาพ ที่ทำนายไม่สอดคล้องกัน เชื่อถือไม่ได้ แต่ผลการวิจัยที่ออกมาแทนที
จะเป็นตามนั้น กลับกลายเป็นว่ายิ่งช่วยสนับสนุนให้คำทำนายแม่นยำ ขึ้นไปอีก เพราะผลการวิจัยบ่งบอกว่า บุคลิกภาพกับราศีเกิดมีความ สัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สร้างความประหลาดใจให้กับ บรรดานักวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่เชื่อเรื่องทำนองนี้
มีการตั้งข้อสันนิษฐานจากผู้ที่เชื่อในเรื่องนี้ว่า ราศีเกิดเกี่ยวพัน กับดวงดาวก็เพราะอิทธิพลของสนามแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงระหว่าง ดวงดาวส่งผลต่อโลก ดีเอ็นเอของมนุษย์ก็มีคุณสมบัติของขั้วแม่เหล็ก อยู่ในตัว โครงสร้างทางพันธุกรรมจึงมีโอกาสที่จะเกี่ยวข้องกับสนาม แม่เหล็กโลกและแรงโน้มถ่วงได้ ทำให้เด็กมีเวลาเกิดที่สอดคล้องกับ อิทธิพลของดวงดาวนั้น ๆ
ระบบการก่อตัวของเอกภพเป็นไปตามทฤษฎีไร้ระเบียบ แม้ว่า ทฤษฎีนี้จะลึกล้ำซับซ้อน แต่ก็เทียบไม่ได้กับกฎแห่งกรรม ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า วิถีชีวิตมนุษย์ถูกลิขิตจากดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงจึง ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ความซับซ้อนระหว่างวิถีแห่งดวงดาวกับความ ซับซ้อนในวิถีแห่งจิตมนุษย์ต่างกันมหาศาล ทั้งสองสิ่งไม่น่านำมา เปรียบเทียบเป็นเหตุและผลซึ่งกันและกันได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องของความเชื่อบางทีก็ไม่ต้องมีเหตุผล ทีม นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่งเห็นว่าการทำนายโชคชะตาตาม ราศีเกิดเป็นเรื่องไร้สาระ และพยายามหาเหตุผลมาหักล้างด้วยการ ทำงานวิจัยเชิงสำรวจมาเรื่องหนึ่ง เพื่อยืนยันว่า ราศีเกิดกับบุคลิกภาพ ที่ทำนายไม่สอดคล้องกัน เชื่อถือไม่ได้ แต่ผลการวิจัยที่ออกมาแทนที
จะเป็นตามนั้น กลับกลายเป็นว่ายิ่งช่วยสนับสนุนให้คำทำนายแม่นยำ ขึ้นไปอีก เพราะผลการวิจัยบ่งบอกว่า บุคลิกภาพกับราศีเกิดมีความ สัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สร้างความประหลาดใจให้กับ บรรดานักวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่เชื่อเรื่องทำนองนี้
มีการตั้งข้อสันนิษฐานจากผู้ที่เชื่อในเรื่องนี้ว่า ราศีเกิดเกี่ยวพัน กับดวงดาวก็เพราะอิทธิพลของสนามแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงระหว่าง ดวงดาวส่งผลต่อโลก ดีเอ็นเอของมนุษย์ก็มีคุณสมบัติของขั้วแม่เหล็ก อยู่ในตัว โครงสร้างทางพันธุกรรมจึงมีโอกาสที่จะเกี่ยวข้องกับสนาม แม่เหล็กโลกและแรงโน้มถ่วงได้ ทำให้เด็กมีเวลาเกิดที่สอดคล้องกับ อิทธิพลของดวงดาวนั้น ๆ
ระบบการก่อตัวของเอกภพเป็นไปตามทฤษฎีไร้ระเบียบ แม้ว่า ทฤษฎีนี้จะลึกล้ำซับซ้อน แต่ก็เทียบไม่ได้กับกฎแห่งกรรม ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า วิถีชีวิตมนุษย์ถูกลิขิตจากดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงจึง ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ความซับซ้อนระหว่างวิถีแห่งดวงดาวกับความ ซับซ้อนในวิถีแห่งจิตมนุษย์ต่างกันมหาศาล ทั้งสองสิ่งไม่น่านำมา เปรียบเทียบเป็นเหตุและผลซึ่งกันและกันได้
ฝันบอกเหตุ
บางคนคิดว่าความฝันคือการบอกอนาคตล่วงหน้า ในทาง พุทธศาสนาแบ่งความฝันของเราออกเป็นสี่แบบ คือ 1. บุพนิมิต เป็นการฝันถึงเรื่องประสบการณ์เก่าที่ยังฝังใจ 2. จิตนิวรณ์ จิต กระหวัดถึงอะไรบางอย่างวนเวียนจนเก็บเอาไปฝัน 3. เทพสังหรณ์ เทพแจ้งเหตุผ่านการฝัน มักเกิดตอนเช้ามืด 4. ธาตุโขภ หรือธาตุ ผิดปกติ อาหารไม่ย่อยเลยฝันวุ่นวาย
เป็นไปได้ที่ความฝันอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง ๆ แต่เป็นการเกิดขึ้นเพราะกระทำไปตามจิตใต้สำนึก เนื่องจากความฝัน ก็คือการผุดขึ้นมาของจิตใต้สำนึกนั่นเอง จิตใต้สำนึกนี้ลึกลับและ ซับซ้อน มีพลังซ่อนอยู่มากมาย นักกีฬาบางคนฝันเห็นชัยชนะใน การแข่งขันวันรุ่งขึ้น และเหตุการณ์ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ จิตใต้สำนึก เปรียบเสมือนเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีศักยภาพในการประมวล ผลสูงกว่าจิตสำนึกเป็นหมื่นเป็นล้านเท่า ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ จิตใต้สำนึกอาจจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ แล้วนำมาประมวลผลแสดงออกมาในรูปของความฝัน
บางคนคิดว่าความฝันคือการบอกอนาคตล่วงหน้า ในทาง พุทธศาสนาแบ่งความฝันของเราออกเป็นสี่แบบ คือ 1. บุพนิมิต เป็นการฝันถึงเรื่องประสบการณ์เก่าที่ยังฝังใจ 2. จิตนิวรณ์ จิต กระหวัดถึงอะไรบางอย่างวนเวียนจนเก็บเอาไปฝัน 3. เทพสังหรณ์ เทพแจ้งเหตุผ่านการฝัน มักเกิดตอนเช้ามืด 4. ธาตุโขภ หรือธาตุ ผิดปกติ อาหารไม่ย่อยเลยฝันวุ่นวาย
เป็นไปได้ที่ความฝันอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง ๆ แต่เป็นการเกิดขึ้นเพราะกระทำไปตามจิตใต้สำนึก เนื่องจากความฝัน ก็คือการผุดขึ้นมาของจิตใต้สำนึกนั่นเอง จิตใต้สำนึกนี้ลึกลับและ ซับซ้อน มีพลังซ่อนอยู่มากมาย นักกีฬาบางคนฝันเห็นชัยชนะใน การแข่งขันวันรุ่งขึ้น และเหตุการณ์ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ จิตใต้สำนึก เปรียบเสมือนเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีศักยภาพในการประมวล ผลสูงกว่าจิตสำนึกเป็นหมื่นเป็นล้านเท่า ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ จิตใต้สำนึกอาจจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ แล้วนำมาประมวลผลแสดงออกมาในรูปของความฝัน
ข้อมูลจากหนังสือ คิดแบบอัจฉริยะ(goodlifeupdate.com)
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น