มากไปเป็นภัย น้อยไปไม่เห็นผล ‘วิตามิน’ ต้องกินอย่างไร ?
นี่เป็นองค์ความรู้ที่คนไทยส่วนใหญ่ล้วนได้รับการสั่งสอนกันมาตั้งแต่เด็กๆ สิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่กลับปฏิบัติตามได้ยากแสนยาก ด้วยพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตอันเร่งรีบ อะไรๆ ก็ขอเน้นเร็วไว้ก่อน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอาหารการกิน ผลที่ตามมาคือการทำงานของร่างกายที่ดูจะห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่า ‘สุขภาพดี' เข้าไปทุกที
มากไปอันตราย น้อยไปไม่เห็นผล
อย่างที่กล่าวไปว่าเดี๋ยวนี้เราสามารถซื้อหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือวิตามินต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อก็มีให้เลือกสรรมากมายเต็มไปหมด จัดแบ่งเป็นเม็ดแคปซูลเล็กๆ ทานง่าย เรียกได้ว่าสะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์มนุษย์เร่งรีบอย่างเราๆ เป็นที่สุด
วิตามินถ้าได้รับปริมาณที่เพียงพอจะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ถ้าได้รับอย่างขาดๆ เกินๆ ก็อาจส่งผลเสียได้ วิตามินหลายชนิดถ้ารับประทานเข้าไปมาก จะเกิดการสะสมในร่างกายและเป็นอันตรายต่อตับ บางชนิดมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะจะรับประทานในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือทานร่วมกับตัวยาบางอย่าง และบางชนิดมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ
หลายคนอาจมองว่าหากทานเป็นวิตามินที่เราเคยเรียนมาว่าจำเป็นต่อร่างกาย ในปริมาณที่หลายบริษัทผลิตมาให้ก็น่าจะพอ แต่ที่จริงแล้วคุณอาจเสี่ยงที่จะได้รับผลข้างเคียงทั้งจากการได้รับแร่ธาตุชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป หรือแม้แต่ได้รับไม่เพียงพอเพราะร่างกายเราต้องการมากกว่านั้นก็เป็นได้
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปริมาณวิตามินในผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกซื้อเพียงพอ หรือเกินความต้องการ ? คำตอบก็ไม่ยาก คุณเพียงแค่ต้องทำความรู้จักกับร่างกายของตัวเองให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออะไรมารับประทาน เพราะ ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่าง การสูบบุหรี่ การขาดการพักผ่อน ความเครียด หรือโรคประจำตัวต่างๆ ก็ล้วนมีผลทำให้แม้จะเป็นวิตามิน หรือแร่ธาตุเสริมชนิดเดียวกัน แต่เมื่อเป็นต่างคนใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต่างกันไปด้วย
ดังนั้น เราจึงควรหมั่นตรวจสุขภาพ และศึกษากระบวนการทำงานของร่างกาย เพื่อที่จะได้รู้ว่าร่างกายเรากำลังอยากได้อะไรเพิ่ม หรือต้องปรับลดอะไรลง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของสุขภาพตามที่เราต้องการ
สำหรับใครที่อาจยังสงสัยว่าตรวจสุขภาพมาแล้วอย่างไร รู้ไว้แล้วต้องทำอะไรต่อ อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือการนำไปใช้วิเคราะห์กับการแพทย์ทางเลือกที่เรียกว่า "วิตามินปรุงเฉพาะบุคคล" (Personalized Supplements) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะรับสารอาหารอย่างถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของร่างกายอย่างแท้จริง
โดยในกระบวนการผลิตทั้งหมดนี้ ทุกขั้นตอนทำในห้องปลอดเชื้อที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งจะควบคุมฝุ่นละออง ความชื้นและการปนเปื้อนตลอดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าวิตามินเฉพาะบุคคลจะมีประสิทธิภาพสูงที่สุด และปราศจากอันตรายต่อร่างกาย
ร่างกายจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้มีส่วนเกินที่จะต้องขับทิ้งน้อย ส่งผลให้ตับและไตไม่ต้องทำงานหนัก ความเสี่ยงที่จะได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุเกินความจำเป็นจนอาจเป็นพิษก็ยิ่งน้อยลง ทั้งยังทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นโดยไม่ต้องเดาว่าเราควรรับประทานวิตามินตัวไหนในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเพียงพออีกด้วย