ทาสสุนัขจงอ่าน!! รักเเค่ไหนก็ห้ามให้เลียหน้า เสี่ยงติดเชื้อ / หัวใจหยุดเต้น

เรื่องราวของคุณลุงชาวอังกฤษวัย 63 ปี ที่เคยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก่อน แต่ต้องมาจบชีวิตลงอย่างหน้าเศร้า หลังเกิดอาการ ‘ติดเชื้ออย่างรุนแรง' จากการปล่อยให้สุนัขของตัวเองเลียหน้า

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชายคนดังกล่าวไม่ทราบชื่อถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เพราะมีอาการ ‘ไข้ขึ้นสูง' โดยไม่ทราบสาเหตุ

จากการสอบถามอาการจาญาติ หมอก็ทราบว่าก่อนหน้านี้ชายคนดังกล่าวเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ แต่แล้วจู่ๆ เมื่อ 3 วันก่อนหน้านี้ก็มีไข้ขึ้น และอาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ

หมอจึงตัดสินใจให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล และก็ปรากฎว่าอาการของเขาทรุดหนักกว่าเดิมอีก จากการ ‘ติดเชื้อขั้นรุนแรง' ทั้งในกระแสเลือด ลามไปยังอวัยวะต่างๆ หลายจุด

ร่างกายของเขามีผดผื่นขึ้นเต็มตัว ทั้งใบหน้า แขน ขา จากนั้นการติดเชื้อก็ลุกลามไปยังไต และตับของเขาส่งผลให้มันหยุดทำงาน

เลือดของเขาเริ่มจับตัวกันเป็นก้อนอุดตันในเส้นเลือด ส่งผลให้ผิวหนังของเขาเริ่มเน่าเปื่อย และท้ายที่สุดหัวใจก็หยุดเต้นลง

แต่ทว่าทีมแพทย์ก็ยังไม่ยอมแพ้ รีบพาเขาไปปั๊มหัวใจด้วยไฟฟ้า และใส่เครื่องช่วยหายใจเพื่อพยายามที่จะช่วยชีวิตของเขา

แต่ร่างกายก็ทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ การติดเชื้อค่อยๆ ลามไปที่ปอดทั้งสองข้าง นอกจากนี้หมอยังทำการแสกนดูที่สมองของเขาพบว่าร่างกายมีการสร้างของเหลวเป็นจำนวนมากที่สมอง

ซึ่งมันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ส่งผลให้ญาติๆ ของเขาตัดสินใจที่จะให้คุณหมอถอดเครื่องช่วยหายใจออก เป็นเหตุให้เขาต้องจากโลกใบนี้ไป หลังจากที่ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลเป็นเวลา 16 วัน

คุณหมอระบุว่าชายคนนี้เสียชีวิตจากการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า C. canimorsus (Capnocytophaga canimorsus) เป็นแบคทีเรียที่สามารถพบได้ในน้ำลายของสัตว์เลี้ยงทั้งสุนัขและแมว

โดบปกติแล้วเจ้าแบคทีเรียชนิดนี้จะติดต่อจากสัตว์เลี้ยงมาสู่คนได้โดยการถูกกัด แต่จากประวัติของผู้ป่วยรายนี้ก็พบว่าเขาไม่เคยถูกสุนัขหรือแมวกัดแต่อย่างใด ทราบก็แต่ว่าเขาเป็นคนเลี้ยงสุนัข และรักสุนัขของตัวเองมากๆ

คุณหมอก็เลยสันนิษฐานว่าน่าจะการติดเชื้อเกิดจากการ ‘ถูกสุนัขเลีย' ซึ่งมันสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ

จากข้อมูลงานวิจัยในประเทศเนเธอร์แลนด์พบว่า การติดเชื้อจากแบคทีเรีย C. canimorsus โดยการถูกสัตว์เลี้ยงเลียนั้น มีโอกาสเกิดขึ้นเพียงแค่ 1 จาก 1.5 ล้านคนเท่านั้น

เดิมทีแพทย์เชื่อว่า เจ้าแบคทีเรียชนิดนี้จะสามารถส่งผลกระทบกับร่างกายของคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเท่านั้น แต่จากเคสนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดซะใหม่