พบตัวตนผู้สอนศิลปะให้ “แวนโก๊ะ” ในวัยเด็ก “พี่เลี้ยง-คนดูแล” ที่ไม่มีใครรู้ประวัติมาก่อน
ภายหลังจากแวนโก๊ะเสียชีวิต ผลงานต่างๆ ของเขากลายเป็นตำนานและมีมูลค่ามหาศาล แต่หากย้อนกลับไปในช่วงแรก ตั้งแต่ช่วงแบเบาะ หลังจากที่เขากำเนิดเมื่อปี 1853 แถบทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ เมื่ออายุได้ 8 ขวบ พ่อแม่ของแวนโก๊ะไม่ค่อยพอใจกับระบบการศึกษาในโรงเรียนที่แวนโก๊ะเข้าเรียนจึงให้แวนโก๊ะออกจากโรงเรียนแล้วจ้างคนดูแลที่มีเชื้อสายสกอตติชมาเลี้ยงดูแวนโก๊ะและพี่น้องของเขาด้วย
"ผู้ดูแล" ที่อาจทำหน้าที่มากกว่าพี่เลี้ยงของแวนโก๊ะมีชื่อว่าแอนนา เบอร์นี (Anna Birnie) ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมาหรือตัวตนของแอนนามากนัก กระทั่งรอน เดอร์เวน (Ron Dirven) นักวิจัยและผู้อำนวยการองค์กร Van Gogh haus (Van Gogh House) ในซุนเดิร์ต ถิ่นกำเนิดของแวนโก๊ะในประเทศเนเธอร์แลนด์ ศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง
อาจเป็นเพราะโชคช่วยเล็กน้อยที่เดอร์เวน พบ Birgitte Birnie ทายาทที่สืบเชื้อสายมาจากแอนนา เบอร์นี ซึ่งทำงานอยู่พิพิธภัณฑ์ใกล้เคียงที่ทำงานของเขา Birgitte สามารถติดต่อญาติของเธอรายหนึ่งที่เก็บรวบรวมอัลบั้มภาพครอบครัว และพบภาพถ่ายของแอนนา เบอร์นี อยู่ด้วย พวกเขาค้นหาหลักฐานและข้อมูลต่อไปจนพบกับข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์นี มากขึ้น
กลุ่มผู้ค้นคว้าพบว่า ครอบครัวของเบอร์นี อพยพย้ายถิ่นจากสกอตแลนด์ มาที่เนเธอร์แลนด์ ในทศวรรษ 1700s เบอร์นี เกิดเมื่อปี 1844 ในแคมเปน (Kampen) ใกล้กับอัมสเตอร์ดัม ครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของโรงงานผลิตพรมและไร่ยาสูบในจาวาตะวันออก
บิดาของแอนนาชื่อว่า สตีเฟน เบอร์นี (Steven Birnie) เป็นช่างเขียนแบบและครูสอนศิลปะในเมืองแคมเปน ระหว่างปี 1827-1848 หลังจากนั้นก็เริ่มทำงานศิลปะแบบเต็มเวลา กระทั่งในปี 1861 สตีเฟน ต้องเข้าบำบัดในโรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิตเนื่องจากปัญหาสุขภาพจิตนั่นเอง หลังจากสตีเฟน เข้ารับรักษาไม่กี่สัปดาห์ แอนนา เบอร์นี เดินทางมาที่บ้านของแวนโก๊ะ โดยมีเบอร์ธา (Bertha) ป้าของแวนโก๊ะเป็นผู้ชักชวนมา
แวนโก๊ะศึกษาเรียนรู้ภายใต้การดูแลของเบอร์นี จนเมื่อเขาไปเข้าโรงเรียนประจำในเซเวนเบอร์เกน (Zevenbergen) เมื่อเดือนตุลาคม 1864 มาร์ติน เบลีย์ คอลัมนิสต์จาก "ดิ อาร์ท นิวสเปเปอร์" (The Art Newspaper) รายงานว่า แอนนา ยังวนเวียนทำงานสอนพี่น้องของแวนโก๊ะอยู่ในบ้านอีก 3 ปี เธอไม่ได้แต่งงานและไม่มีบุตรธิดา เธอเดินทางไปไร่ยาสูบของครอบครัวแวนโก๊ะในจาวา (Java) อันเป็นสถานที่ซึ่งเธอเสียชีวิตที่นั่นเมื่อปี 1917แถลงการณ์จากสถาบันที่ใช้ชื่อว่า "บ้านแวนโก๊ะ" (Van Gogh Huis) ในถิ่นเกิดของแวนโก๊ะ แจ้งว่าเนื้อหาส่วนหนึ่งในไดอารีของมาเรีย แวนโก๊ะ ภรรยาคนที่ 2 ของเฮนดริก วินเซนต์ แวนโก๊ะ หรือที่รู้จักกันว่า "ลุงไฮน์" (Uncle Hein) เล่าถึงภาพที่แวนโก๊ะวาดให้พ่อแม่ของเขาในวันครบรอบแต่งงานในปี 1863 ภายใต้การแนะนำของเบอร์นี หลายเดือนต่อมา ในปี 1864 แวนโก๊ะ วาดภาพ "ยุ้งฉางและบ้านไร่" (Barn and Farmhouse) สำหรับงานวันเกิดของพ่อของเขา ซึ่งเป็นผลงานที่โด่งดังและยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่มีข้อมูลชัดเจนถึงสิ่งที่เบอร์นี สอนแวนโก๊ะในวัยเด็ก นอกเหนือจากว่าเธอถูกจ้างเพื่อมาสอนเด็กร้องเพลงและสอนศาสนาโดยวิธีถาม-ตอบแบบโปรเทสแตนท์ แต่แน่นอนว่า การสอนของเธอต้องรวมถึงทักษะด้านศิลปะด้วย เดอร์เวน ผู้อำนวยการองค์กร "บ้านแวนโก๊ะ" ยังให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่า เบอร์นีมีอิทธิพลสำคัญต่องานสเกตช์ภาพแรกๆ ของแวนโก๊ะ
แต่รายงานข่าวระบุว่า ทีมงานค้นคว้าไม่สามารถบ่งชี้ว่าบทเรียนของเบอร์นี จะส่งผลต่อพัฒนาการทางศิลปะหรือสไตล์การสร้างงานของแวนโก๊ะ ด้วยหรือไม่ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า แวนโก๊ะไม่ได้เข้าศึกษาเกี่ยวกับศิลปะอย่างจริงจังมากนัก ช่วงเวลาในสถาบันศิลปะที่บรัสเซลและแอนเวิร์ป ในเบลเยียม ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ และยังไม่ลงรอยกับครูในสถาบันอีกต่างหาก นอกเหนือจากนั้น แวนโก๊ะยังศึกษาในสตูดิโอในปารีสอีก 3 เดือน