รู้ทันไวรัสปอดอักเสบ โคโรนา ฆาตกรสายพันธุ์ใหม่!
ย้อนไปก่อนหน้านี้หากยังจำกันได้ เคยมีโรคปอดอักเสบรุนแรงระบาดในปี 2002 คือ เชื้อไวรัสซาร์ส (SARS-CoV) ซึ่งมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 8,000 คน ใน 26 ประเทศทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตกว่า 600 คน และอีกครั้งในปี 2012 จากเชื้อไวรัสเมอร์ส (MERS-CoV) ซึ่งมีผู้ติดเชื้อกว่า 2,500 คน ใน 27 ประเทศทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตกว่า 858 คน ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดของจีน ระบุว่า การระบาดของเชื้อปอดอักเสบนี้ จะสามารถควบคุมและป้องกันได้ โดยเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2019 นี้ ยังไม่หนักหนาเท่ากับเมี่อครั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส
โรคปอดอักเสบ (pneumonia) ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ พบได้ทั้งการติดเชื้อ ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ทำให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอด และเนื้อเยื่อโดยรอบ อาการสำคัญ ได้แก่ มีไข้ ไอ หายใจเหนื่อยหอบ
ขณะที่ โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Novel Coronavirus: nCoV) มีรหัสหรือลำดับทางพันธุกรรม (Genetic Sequences) คล้ายคลึงกับโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงที่เรารู้จักกันในชื่อ "ซาร์ส" (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) ที่เคยคร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 700 ชีวิต และมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 8,000 คนทั่วโลกมากถึงร้อยละ 80 โดยมีลักษณะอาการสำคัญของผู้ติดเชื้อคล้ายคลึงกับโรคปอดอักเสบโดยทั่วไป คือ การมีไข้ร่วมกับความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ เช่น การไอ มีน้ำมูก และหายใจเหนื่อยหอบ เป็นต้น
- มีการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ในช่วงที่มีการระบาด
- มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- มีไข้ ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ
- งดเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หรือใกล้เคียง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด
- ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม
- สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมชน
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์ และไม่สัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือ แอลกอฮอล์เจลล้างมือ
- ห้ามรับประทานของดิบ แต่กินอาหารที่สะอาดปลอดภัยมีสารอาหารครบถ้วน
- หมั่นล้างมือรักษาความสะอาด นอนพักผ่อนให้เพียงพอ