ทำความเข้าใจ!! 7 เรื่องจริง “ไวรัสโคโรนา” โรคอุบัติใหม่ที่ควรจับตามอง


ทำความเข้าใจ!! 7 เรื่องจริง “ไวรัสโคโรนา” โรคอุบัติใหม่ที่ควรจับตามอง

7 เรื่องจริง ไวรัสโคโรนา

 

ก่อนอื่นขอพูดถึงไวรัสโคโรนาสักเล็กน้อย โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้มีต้นตอมาจากกลุ่มค้างคาวแล้วอาจจะมาติดต่อกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสักชนิดหนึ่ง (แต่ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้) ถ้าเราคุมมันไม่ได้ตั้งแต่ต้นๆ ก็จะเกิดการระบาดใหญ่เพราะเมื่อไรก็ตามที่มีโรคใหม่แปลทุกคนบนโลกนี้มีโอกาสติด

 

1. หากได้รับเชื้อมาแต่ยังไม่แสดงอาการจะได้รับเชื้อหรือไม่?

 

การที่เราได้รับเชื้อมาแต่ยังไม่แสดงอาการก็สามารถแพร่เชื้อได้ ซึ่งผู้ป่วยมีอาการหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เช่น เหนื่อยง่าย บางคนแค่ไอแต่อาจมีเชื้อไวรัสอยู่ในน้ำลาย หรือตามสารคัดหลั่งต่างๆ อย่างไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ ถ้าสามารถล้างมือด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล อย่างน้อย 20 วินาที คือให้มีการทำลายก่อนแล้วค่อยเปิด-ปิดประตู หรือถ้ายังไม่ได้ล้างมือก็พยายามอย่าไปสัมผัสใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณจมูก ตา



2. หน้ากากอนามัย กับ หน้ากาก N95 หน้ากากแบบไหนป้องกันได้ดีกว่า?

 

หน้ากากอนามัยเราออกแบบมาสำหรับคนป่วยเป็นโรคที่มีน้ำมูก ไอ จามแล้วไม่อยากให้ผู้ป่วยคนนั้นๆ แพร่กระจายเชื้อ โดยทั่วไปหน้ากากธรรมดาก็จะมี 2 ด้าน ข้างในส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัสดุช่วยเราซึมซับน้ำมูก น้ำลายพอสมควร ด้านนอกก็จะเป็นด้านที่กันน้ำ ช่วยไม่ให้น้ำมูก น้ำลายที่ซึมซับออกไปสู่ภายนอก ส่วนหน้ากาก N95 ที่ถูกหลักทางการแพทย์ก็จะต้องชิดแนบใบหน้าเรา และด้วยความที่ N95 มีรู้ขนาดเล็ก มีความเป็นขั้วบวกขั้วลบซึ่งเชื้อก็จะมีลักษณะขั้วเหมือนกันฉะนั้นจึงได้แค่เกาะติดไม่สามารถเข้าผ่านหน้ากากไปได้ ถามถึงการป้องกันหน้ากากแบบไหนมีได้มากกว่าจริงๆ แล้ว N95 ป้องกันได้มากกว่าอยู่แล้ว ยิ่งเป็น N95 ที่ฟิต ถูกต้องตามหลักยิ่งป้องกันได้ดีกว่าแน่นอน



3. อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นอย่างไร?

 

สำหรับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะมีอาการ คือ

 

- เป็นไข้สูงเกิน 39 องศาฯ (ส่วนใครที่มีไข้ต่ำกว่า 38 องศาฯ จะมีน้อยกว่าประมาณร้อยละ 20) จริงๆ แล้วที่บอกว่าคนไข้มีอาการหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยเช่นกัน อย่าง บางคนอาจจะเหนื่อยง่าย ทั้งที่อีกคนอาจจะเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้มีความเหนื่อยอะไร

 

- อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว เหนื่อยหอบ

 

- ไอ เจ็บหน้าอก

 

- บางคนมีอาการท้องเสียประมาณ 3-4 วัน หรือบางคนมากกว่านั้นก็อาจจะ 8-10 วัน

 

แต่ในอีกกลุ่ม อย่าง ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือว่าคนที่ยังไม่มีอาการที่เดินทางไปในประเทศที่ความเสี่ยงนั้นๆ ถ้ามีอาการเหล่านี้ประกอบกับประวัติที่มีการเดินทาง หรือมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อก็ควรรีบมาพบแพทย์



4. ทำไมประเทศไทยไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน?

 

ถามว่าทำไมประเทศไทยไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านการระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จริงๆ แล้วก็เข้าใจว่าผู้ที่ดูแลก็คงเป็นห่วงภาวะการตื่นตระหนกของทุกๆ คน ซึ่งประเทศจีนเองก็ประกาศปิดประเทศไปแล้วไม่มีเที่ยวบินจากแหล่งโรคแล้ว อีกอย่างเรารู้จำนวนยอดของเที่ยวบินทุกเที่ยวที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อ มีการประเมินสถานการณ์รายวันแล้วก็ปรับเปลี่ยนไปเท่าที่จะทำให้ควบคุมโรคได้จึงยังตัดสินใจไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน

 

5. การคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาของประเทศไทยได้มาตรฐานหรือไม่?

 

การคัดกรองของประเทศไทยนั้นไม่ว่าจะเป็นสนามบิน หรือท่าเรือก็จะมีการกำจัดการเดินทางของคนที่มาจากอู่ฮั่นโดยตรง ในกรณีที่มีคนไข้เดินทางเข้ามาแล้วก็จะมีการกรอกประวัติ และตรวจสอบอุณหภูมิโดยใช้ตัวเทอร์โมแสกนดูว่าคนคนนั้นมีอุณภูมิประมาณเท่าไร ถ้ามีไข้ก็จะกักตัวไว้ หรือมีการให้คำแนะนำว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป



6. ความรุนแรงของไวรัสโคโรนามีมากกว่า SARS และ Mers ใช่หรือไม่?

 

ไวรัสที่รุนแรงอย่าง Mers หากติดเชื้อแล้วมีอัตราการตายสูงร้อยละ 35-40 แต่ไวรัสแพร่ระบาดไม่ได้กระจายไปไกล 100 คน อาจจะเสียชีวิต 35 คน ซึ่งถือว่าจำนวนผู้เสียชีวิตสูง เมื่อเทียบกับ SARS ถ้าอัตราการตายร้อยละ 10 ป่วย 100 คน เสียชีวิต 10 คน แต่บังเอิญมีคนป่วย 8 พันคน เสียชีวิตไป 7-8 ร้อยคน พูดง่ายๆ คือจำนวนคนติดมันเยอะกว่า ในกรณีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อัตราการแพร่เชื้อพอๆ กับ Sars ในอดีตที่ผ่านมา 1 คน แพร่เชื้อได้ 3 คน เรามีข้อมูลที่ออกมา 40 กว่าคน ใน 40 คนนี้มีผู้เสียชีวิตอยู่ประมาณ 3 คน แต่ยังมีคนที่อยู่โรงพยาบาลอยู่ ความรุนแรงในแง่ของอัตราการตายยังพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าน้อยกว่า SARS ไหม แต่น้อยกว่า MARS แน่ๆ



7. ข่าวที่ว่าวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถทำได้ภายใน 3 เดือนจริงหรือไม่?

 

จาก SARS มา MARS เรามีประสบการณ์ในระหว่างนี้เกือบ 17 ปีที่ผ่านมารวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ด้วยเรารู้ว่าถ้าจะผลิตวัคซีนจะทำอย่างไร ถ้าในแง่เทคนิคที่จะได้มาซึ่งวัคซีนในห้องทดลอง หรือทดลองในสัตว์ 3 เดือนมีความเป็นไปได้ เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เรายอมเอาไปใช้ในคนก็ต้องมีการข้ออนุญาตเป็นพิเศษ คิดว่าบุคลากรทางการแพทย์เราทั้งหมดก็ตื่นตัว ถ้าเมื่อไรเราสงสัยเราก็จะรีบส่งต่อ รีบตรวจ ถ้าเราทำได้ในระดับเล็กๆ เชื้อก็จะหยุดเร็ว แต่ถ้าเราปล่อยไปหลายเมืองโอกาสที่จะควบคุมได้มันก็จะน้อยลง

 

และนี่ก็เป็น 7 เรื่องจริงเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่ควรจับตามอง ซึ่งก็พอจะทำให้ทุกๆ คนเกิดความเข้าใจ และสามารถรับมือ หรือป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสชนิดนี้กันมากขึ้น



เครดิตแหล่งข้อมูล : js100




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์