รู้หรือไม่? “ขี้ค้าวคาวในถ้ำ” มีค่าเทียบเท่าทอง! (1,000 ตัน = 100 ล้านบาท)


รู้หรือไม่? “ขี้ค้าวคาวในถ้ำ” มีค่าเทียบเท่าทอง! (1,000 ตัน = 100 ล้านบาท)

ชี้ชัดลงไปแล้วว่า "ค้างคาวมงกุฎ"ในมณฑล หูเป่ย คือ ต้นตอของไวรัส โคโรน่า (อู่ฮั่น) ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า ความจริงแล้ว "ขี้ค้าวคาวในถ้ำ" มีค่าเทียบเท่าทอง!

    ในอดีตสมัยอยุธยา มูลค้างคาวเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศในการทำดินประสิว เพราะมูลมูลค้างคาวประกอบไปด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปรแตสเซียม ในปริมาณที่สูงกว่ามูลของสัตว์ชนิดอื่น จึงเป็นที่นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในดิน ที่ใช้ในการปลูกพืชเกษตร จนเวลาล่วงเลยผ่านมานับร้อยปี ความนิยมในการใช้มูลค้างคาวก็ลดลงไปเพราะการจะไปเก็บมูลค้างคาวในถ้ำนั้น ทั้งอันตราย และยังถูกฝูงค้างคาวรุมทำร้ายอีกด้วย

จนเมื่อปี พ.ศ.2552 ทีมนักวิจัยเข้ามาสำรวจพบว่าใน "ถ้ำพระราม หรือ ถ้ำเจ้าราม" แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย จนพบว่าภายในถ้ำมีค้างคาวอาศัยอยู่เกือบ 2 ล้านตัว ถ่ายมูลวันละ 200 กิโลกรัม หรือปีละ 73 ตัน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมูลค้างคาวสะสมอยู่ในถ้ำประมาณ 1,000 ตัน ตีเป็นมูลค่าได้ 100 ล้านบาท


ภาพค้างคาวแวมไพร์ ถ่ายเมื่อปี 1945

ข้อเสียของ มูลค้างคาว

-หากทิ้งมูลค้าวคาวไว้โดยไม่จัดการอะไร นอกจากจะเป็นการทิ้งไปโดยสูญเปล่าแล้ว ยังทำให้เกิดไฟไหม้ และเป็นอันตรายต่อผู้ที่เข้าไปท่องเที่ยวภายในถ้ำอีกด้วย เพราะมูลค้างคาวมีคุณสมบัติที่ติดไฟได้ง่าย

-มูลค้างคาวยังส่งผลต่อสภาวะอากาศภายในถ้ำ ซึ่งจะทำให้เกิดก๊าซแอมโมเนียที่สูงมาก เป็นอันตรายต่อผู้ที่ได้สูดดมเข้าไป มีรายงานว่าที่ถ้ำ Bracken ในมลรัฐ Texas เพราะมีการสะสมมูลค้างคาวภายในถ้ำมากเกินไป

ประโยชน์ของ มูลค้างคาว

-มีธาตุอาหารครบทั้ง 13 ชนิด ที่พืชต้องการจากทางดิน คือ ไนโตรเจน , ฟอสฟอรัส, โปแตสเซี่ยม , แคลเซี่ยม , แมกนีเซี่ยม , กำมะถัน , โบรอน ,เหล็ก , แมงกานีส , สังกะสี , โมลิบดินั่ม ,ทองแดง และ คลอรีน

-มีธาตุฟอสฟอรัสมากเป็นพิเศษ ดังนั้น จึงมีบทบาทในการเร่งให้พืชติดดอกออกผลได้ดีขึ้น เหมาะเป็นพิเศษกับไม้ดอก และ สวนผลไม้

-ช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน กระตุ้นการแตกราก ทำให้ การดูดธาตุอาหาร และน้ำ จากดินเพิ่มขึ้น ส่งเสริมการเจริญเติมโตต่อพืช จึงเหมาะกับพืชทุกชนิด

รู้หรือไม่? “ขี้ค้าวคาวในถ้ำ” มีค่าเทียบเท่าทอง! (1,000 ตัน = 100 ล้านบาท)

ความน่ากลัวของ "ค้างคาว" ที่อาศัยอยู่ภายในถ้ำ

-พบไวรัสมากกว่า 60 ชนิดจากคค. พิษสุนัขบ้า อีโบล่า ซาร์ส

-ไวรัสที่ร้ายกาจที่สุดคือ โรคสมองอักเสบนิปาห์ อัตราเสียชีวิต 40-80 %

-แม้กินการกินค้างคาวแบบสุกจะปลอดภัย แต่วิธีการทำก็ลำบากและการถูกกัดหรือข่วนก็ติดไวรัสได้

Vampire bat ค้างคาวกินเลือดมีอยู่จริง

-ค้างคาวแวมไพร์ กำเนิดในทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง เมื่อ 26 ล้านปีก่อน

-มีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ในถ้ำในป่าดิบ ออกหากินในเวลากลางคืน

-โดยจะกินแต่เพียงเลือดของสัตว์เลือดอุ่นขนาดใหญ่กว่าเป็นอาหารเท่านั้น ซึ่งรวมถึงเลือดมนุษย์ ในแต่ละวันค้างคาวแวมไพร์สามารถกินเลือดได้มากถึงครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัวมัน ปริมาณเลือดที่ค้างคาวดูดไปนั้น ภายในเวลา 5 เดือน จะมีปริมาณเท่ากับน้ำหนัก 5 แกลลอน

-อีกทั้งยังพบเชื้อแบคทีเรียกว่า 280 ชนิดในมูลของพวกมัน ซึ่งเป็นเชื้อที่อาจให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นล้มป่วยได้

รู้หรือไม่? “ขี้ค้าวคาวในถ้ำ” มีค่าเทียบเท่าทอง! (1,000 ตัน = 100 ล้านบาท)

Fact - ค้างคาวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง การจับ ทำร้าย ครอบครอง หรือกิน มีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองและสงวนสัตว์ป่า ถ้ำส่วนใหญ่ที่มนุษย์เข้าไป มักไม่มีค้างคาวอาศัยอยู่ เพราะถูกรบกวนบ่อยต้องไปอยู่ที่อื่น

Fact
 - Batcave ในเรื่อง Batman v Superman ใช้ทุนในการสร้างราว 14,140 ล้านบาท ลานจอดรถและอาวุธไฮเทคอยู่พร้อม เพื่อจักรวาล DC โดยเฉพาะ

เครดิตแหล่งข้อมูล : flagfrog

รู้หรือไม่? “ขี้ค้าวคาวในถ้ำ” มีค่าเทียบเท่าทอง! (1,000 ตัน = 100 ล้านบาท)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์