วงการเล็บเจล ต้องสะเทือน! เสี่ยงติดเชื้อ HIV และเป็นมะเร็งผิวหนัง
#1. ทำร้ายหน้าเล็บ
สาวเรารู้อยู่เต็มอกสำหรับข้อนี้ เพราะการเข้าร้านทำเล็บเจลนั้น เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าเล็บของเราโดนขูด และตะไบสีเจลเก่าออก ผงๆ ที่หผุดดออกมาคือ หน้าเล็บของเราที่โดนทำร้าย ยิ่งนานวันเข้ายิ่งอ่อนแอ ยิ่งบางและมันทำให้เล็บของเราฉีกขาดง่ายขึ้น เพราะหน้าเล็บไม่แข็งแรง
เนื่องจากทุกครั้งที่เราทำเล็บเจลจะต้องมีการตะไบ และเค้าก็จะใช้อุปกรณ์ทำเล็บแซะๆ โคนเล็บของเราเคลียร์เล็บให้พร้อมต่อการลงเจล และตรงนี้ล่ะที่ มันจะทำให้โคนเล็บและจมูกเล็บที่โดนเสียดสีมากๆ ด้านและแห้งแตกง่ายกว่าปกติ
การทำเล็บเจลติดต่อกันเป็นเวลลานานๆ ยิ่งทำให้เล็บของเราอ่อนแอ และอาจเกิดการติดเชื้อได้ เพราะน้ำยาล้างเล็บนั้นสามารถทำให้เล็บของเรา และผิวหนังบริเวณรอบๆ เกิดการแพ้ ระคายเคือง และนำไปสู่การติดเชื้อนั้นเองจ้า
ใช่แล้วซิสสส! การทำเล็บเจลทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้นะ เพราะว่าเครื่องอบเล็บเจลที่เราใช้กัน โดยมีไอแสงสีม่วงๆ ที่ออกมานั้นคือ รังสี UV ที่ทำให้เราดำนั้นแหละค่ะ แต่ถ้าเราได้รับมันในปริมาณที่เข้มข้นมากจนเกินไปและต่อเนื่อง ในระยะยาวมันก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังนั้นเอง วิธีหลีกเลี่ยงคือ ทากันแดดที่มือก่อนอบเล็บ หรือสวมถุงมือนะคะ
งงมั้ยคะ ฉันแค่ทำเล็บเจลจะเลือดบวดได้ไง การติดเชื้อ HIV จากการทำเล็บได้เกิดขึ้นแล้วค่ะ ภัยเงียบที่เราไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะลูกค้าที่มาทำเล็บที่ร้านเราไม่รู้ว่าเค้ามีเชื้อมั้ย หากก่อนทำเล็บเจลต้องใช้อุปกรณ์ทำเล็บ ที่มีการตัดแต่งเล็บ หรืออะไรที่สามารถทำให้เกิดบาดแผลได้ เราควรเลือกร้านที่มีตู้อบฆ่าเชื้ออุปกรณ์นะคะ เลือกให้ปลอดภัย กันเอาไว้ดีกว่าค่ะ