แพทย์โรคทรวงอก ออกคำแนะนำ ใครบ้างต้องใส่หน้ากาก?
สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (แพทย์โรคทรวงอก)
ได้ออกคำแนะนำเรื่อง การใช้หน้ากากเพื่อป้องกันการติดต่อโควิด-19
1 ผู้ที่มีอาการไข้หวัดทุกคน ใส่หน้ากากอนามัย ให้ติดเป็นนิสัย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แม้ปัญหาเรื่อง โควิด-19 จะหมดไปแล้ว
2 ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปสถานที่เสี่ยงหรือใกล้ชิดผู้ที่เสี่ยง ใส่หน้ากากอนามัย แม้จะไม่มีอาการ
3 ผู้ที่ต้องช่วยดูแลบุคคลในข้อ 2. ใส่หน้ากากอนามัย
4 ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ปิดที่มีคนอยู่แออัด ทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ เช่น รถสาธารณะ ร้านอาหาร โรงมหรสพ ใส่หน้ากากอนามัย
5 ผู้ที่จะไปติดต่อโรงพยาบาลด้วยเหตุใดๆ (ช่วงนี้ให้เลี่ยงไปโรงพยาบาลถ้าไม่จำเป็นจริงๆ) ใส่หน้ากากอนามัย
6 พนักงานขับรถสาธารณะหรือให้บริการสาธารณะอื่นที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ใส่หน้ากากอนามัย
7 บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยทั่วไป ใส่หน้ากากอนามัย และถ้าเป็นผู้ป่วยมีอาการไข้หวัดหรือผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ใส่หน้ากากอย่างน้อยเทียบเท่า N95 เพราะถ้าได้รับเชื้อแล้วจะไปแพร่ให้ผู้ป่วยอื่นได้ง่าย
ส่วนในกรณีอื่นๆ ถ้าจัดหาหน้ากากอนามัยได้ง่าย เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะใส่เมื่อออกไปที่สาธารณะเพื่อป้องกันตนเองหรือป้องกันผู้อื่น ยังไม่มีหลักฐานรองรับทั้งด้านคัดค้านและด้านสนับสนุนในเรื่องของประโยชน์ที่ได้กับผลที่เสีย เว้นแต่จะทำให้หน้ากากมีใช้ไม่เพียงพอ
ทั้งนี้หน่วยงานรัฐต้องจัดหา หน้ากากทุกประเภท ให้บุคลากรทางการแพทย์มีใช้อย่างเพียงพอตามสมควรก่อน แล้วจัดหา หน้ากากอนามัย ให้เพียงพอสำหรับประชาชนทั่วไปใช้งานเท่าที่จำเป็น แล้วจึงไปทำการแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนแบบหวังผลทางการเมือง และต้องให้ความรู้กับประชาชนว่า การใส่หน้ากากอนามัยเป็นเพียงมาตรการหนึ่งในการป้องกันการติดเชื้อ ต้องทำควบคู่ไปกับ การดูแลสุขภาพทั่วไป การให้ข้อมูลการเจ็บป่วยอย่างเปิดเผย
การหลีกเลี่ยงไปที่ชุมนุมชน การะมัดระวังไม่สัมผัสวัตถุและวัสดุและส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้อื่นในที่สาธารณะ และหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกฮอล์เจล การใส่ การถอด และการทิ้ง หน้ากากทุกประเภท ต้องทำให้ถูกวิธี เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
ได้ออกคำแนะนำเรื่อง การใช้หน้ากากเพื่อป้องกันการติดต่อโควิด-19
1 ผู้ที่มีอาการไข้หวัดทุกคน ใส่หน้ากากอนามัย ให้ติดเป็นนิสัย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แม้ปัญหาเรื่อง โควิด-19 จะหมดไปแล้ว
2 ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปสถานที่เสี่ยงหรือใกล้ชิดผู้ที่เสี่ยง ใส่หน้ากากอนามัย แม้จะไม่มีอาการ
3 ผู้ที่ต้องช่วยดูแลบุคคลในข้อ 2. ใส่หน้ากากอนามัย
4 ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ปิดที่มีคนอยู่แออัด ทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ เช่น รถสาธารณะ ร้านอาหาร โรงมหรสพ ใส่หน้ากากอนามัย
5 ผู้ที่จะไปติดต่อโรงพยาบาลด้วยเหตุใดๆ (ช่วงนี้ให้เลี่ยงไปโรงพยาบาลถ้าไม่จำเป็นจริงๆ) ใส่หน้ากากอนามัย
6 พนักงานขับรถสาธารณะหรือให้บริการสาธารณะอื่นที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ใส่หน้ากากอนามัย
7 บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยทั่วไป ใส่หน้ากากอนามัย และถ้าเป็นผู้ป่วยมีอาการไข้หวัดหรือผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ใส่หน้ากากอย่างน้อยเทียบเท่า N95 เพราะถ้าได้รับเชื้อแล้วจะไปแพร่ให้ผู้ป่วยอื่นได้ง่าย
ส่วนในกรณีอื่นๆ ถ้าจัดหาหน้ากากอนามัยได้ง่าย เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะใส่เมื่อออกไปที่สาธารณะเพื่อป้องกันตนเองหรือป้องกันผู้อื่น ยังไม่มีหลักฐานรองรับทั้งด้านคัดค้านและด้านสนับสนุนในเรื่องของประโยชน์ที่ได้กับผลที่เสีย เว้นแต่จะทำให้หน้ากากมีใช้ไม่เพียงพอ
ทั้งนี้หน่วยงานรัฐต้องจัดหา หน้ากากทุกประเภท ให้บุคลากรทางการแพทย์มีใช้อย่างเพียงพอตามสมควรก่อน แล้วจัดหา หน้ากากอนามัย ให้เพียงพอสำหรับประชาชนทั่วไปใช้งานเท่าที่จำเป็น แล้วจึงไปทำการแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนแบบหวังผลทางการเมือง และต้องให้ความรู้กับประชาชนว่า การใส่หน้ากากอนามัยเป็นเพียงมาตรการหนึ่งในการป้องกันการติดเชื้อ ต้องทำควบคู่ไปกับ การดูแลสุขภาพทั่วไป การให้ข้อมูลการเจ็บป่วยอย่างเปิดเผย
การหลีกเลี่ยงไปที่ชุมนุมชน การะมัดระวังไม่สัมผัสวัตถุและวัสดุและส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้อื่นในที่สาธารณะ และหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกฮอล์เจล การใส่ การถอด และการทิ้ง หน้ากากทุกประเภท ต้องทำให้ถูกวิธี เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น