วิกฤตโควิด-19 ปี 63 ต่างกับต้มยำกุ้ง ปี 40 อย่างไร ?
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ความแตกต่าง ระหว่างวิกฤตโควิด-19 ปี 63 ต่างกับต้มยำกุ้ง ปี 40 อย่างไร ?
สถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีนี้ชะลอตัวอย่างมาก ยอดขายธุรกิจหายไป เช่นเดียวกับรายได้ของประชาชนรายย่อย
ดังนั้น จึงทำให้หลายฝ่ายนึกย้อนเปรียบเทียบกับวิกฤตการเงินต้มยำกุ้งในปี 2540 ที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยหดตัวถึง 10.5% ว่าเหตุการณ์ในปีนี้จะเหมือนหรือต่างจากปี 2540 อย่างไร ? โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ออกมาใน 3 ด้านหลัก ดังนี้
ต้นตอของปัญหามาจากการที่เศรษฐกิจไทยขาดความสมดุลในหลายด้าน บนอัตราแลกเปลี่ยนที่ผูกติดกับเงินดอลลาร์ฯ จึงทำให้ภาคเอกชนไม่คำนึงความเสี่ยงและใช้จ่ายเกินตัว จนสะท้อนผ่านการเพิ่มขึ้นของการลงทุนและการบริโภคที่สูงกว่าเงินออมที่มี มีการก่อหนี้ต่างประเทศ และมีการเก็งกำไรสินทรัพย์อย่างกว้างขวาง
ขณะที่ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสมดุลในลักษณะเดียวกันกับปี 2540 แต่ปัญหาในครั้งนี้เกิดขึ้นจากสถานการณ์โรคระบาดของไวรัส Covid-19 ซึ่งระบาดไปทั่วโลก เป็นปัญหาภัยธรรมชาติขนาดใหญ่
ดังนั้น การแก้ปัญหาในครั้งนี้จึงขึ้นกับการจัดการของสาธารณสุขทั่วโลก ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงตัวแปรสำคัญที่ได้แก่ การผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อยับยั้งการระบาดอย่างถาวร
เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ ปัญหาขีดความสามารถของธุรกิจ ทั้งทักษะแรงงานและการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง (สัดส่วนหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับประมาณ 80% ต่อจีดีพี เมื่อเทียบกับในอดีตในปี 2540 ที่อยู่ที่ระดับประมาณ 49.2% ต่อจีดีพี)
ดังนั้น ผู้ที่จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้จึงกระจายเป็นวงกว้าง ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี และประชาชนรายย่อย ซึ่งต่างจากในปี 2540 ที่ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจะเป็นกลุ่มนายทุน หรือภาคธุรกิจเป็นหลัก
ในปัจจุบันภาครัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกหลายมาตรการเพื่อมาเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสฯ ในครั้งนี้ ซึ่งถือว่ามีความรวดเร็ว
นอกจากนี้ ขนาดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบภาครัฐและธนาคารกลางทั่วโลกนำมาใช้ในปัจจุบันนั้น มีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยขนาดของมาตรการการคลังที่แต่ละประเทศนำมาใช้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ของ GDP ในขณะที่มาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0% และมีการทำ QE แบบไม่จำกัด
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์โรคระบาดยังมีความไม่แน่นอน โดยหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น คาดว่าทางการคงพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อทุกภาคส่วนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
ซึ่งแตกต่างจากช่วงวิกฤตปี 2540 ที่ใช้เวลานาน 5-10 ปีว่าจะเริ่มเห็นเศรษฐกิจและภาคการเงินฟื้นตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
ทุกคนสามารถเป็นหนึ่งในผู้ที่ช่วยให้ปัญหาโรคระบาดของไวรัส Covid-19 ลดลงได้...เพียงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น