เปิดข้อมูลจริงจาก ศัลยแพทย์ เรื่องกรุ๊ปเลือดที่เป็นแผลเป็นง่าย
สาเหตุเพราะคนเลือดกรุ๊ปเอ มีสารแอนติเจนเอ มากกว่าคนอื่น และสารแอนติเจนเอนี้ส่งผลให้เกิดแผลเป็นได้ง่าย ทำให้ชาวเน็ตแตกตื่น และมีความกังวลเป็นอย่างมาก
ในเรื่องนี้ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เผยว่า จากการวิจัยทางการแพทย์ มีการตั้งสมมติฐานว่ากรุ๊ปเลือดเอ และ เอบี มีสารแอนติเจนเอ ที่มี enzyme ที่สร้างสารที่เรียกว่า GAGs หรือ Glycosaminoglycans (ไกลโคสะมิโนไกลแคน) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับสารที่มีอยู่ในคีลอยด์ แต่งานวิจัยนั้นเป็นเพียงงานวิจัยเดียวเท่านั้น
1. ด้านเชื้อชาติ เช่น คนแอฟริกา หรือ คนผิวดำ จะมีโอกาสเกิดคีลอยด์ได้มากกว่าคนผิวขาว
2. ด้านพันธุกรรม สังเกตว่าถ้าบิดามารดาเป็นคีลอยด์ได้ง่ายเมื่อเรามีแผลเกิดขึ้นโอกาสที่จะเกิดคีลอยด์ก็จะสูงกว่าคนทั่วไป
3.บริเวณที่เกิดแผลคีลอยด์ได้ง่าย เช่น ใบหูหน้าอก และไหล่ ยกตัวอย่างเช่น แผลผ่าตัดบริเวณหน้าอก หรือใบหู มีโอกาสเกิดเกิดคีลอยด์มากกว่า บริเวณหน้าท้อง เป็นต้น
4. ระดับการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ แผลที่มีการบาดเจ็บมาก แผลที่หายช้า หรือ แผลที่มีการอักเสบติดเชื้อ ในระยะยาวมีโอกาสเกิดแผลคีลอยด์ได้มากกว่า
1. First line treatment การรักษาอันดับแรก คือการใช้ยาฉีด (Steroid), การใช้แผ่นลดรอยแผลเป็น (Silicone Sheet) หรือการใช้ยาทาแผลเป็น
2. Second line treatment หากรักษาด้วยวิธีข้างต้นแล้วไม่ดีขึ้นแพทย์จะพิจารณารักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การฉายแสง การใช้เลเซอร์ หรือ การตัดก้อนคีลอยด์ออก ร่วมกับการฉีดยา
นพ.ธนัญชัย ฝากทิ้งท้ายว่าการเลือกเสริมความงามนั้น ควรเลือกสถานที่ที่ได้มาตรฐานรวมไปถึงตรวจสอบความปลอดภัยจากวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ เพื่อความสวยที่ปลอดภัยในระยะยาว