ไขข้อข้องใจ ทำไมนักดับเพลิง ไม่ใช้น้ำทะเล ดับไฟป่าที่แอลเอ
เหตุการณ์ไฟป่ารุนแรงในลอสแอนเจลิสได้สร้างความเสียหายมหาศาล โดยเผาผลาญพื้นที่เกือบ 78,000 ไร่ และทำให้ประชาชนกว่า 130,000 คน ต้องอพยพ บ้านเรือนหลายแห่งเหลือเพียงซากเถ้าถ่าน นับเป็นไฟป่าที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง
แม้ตัวเมืองจะตั้งอยู่ติดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และดูเหมือนว่าการใช้น้ำทะเลดับไฟจะเป็นทางออกที่รวดเร็วและง่ายที่สุด แต่เจ้าหน้าที่กลับเลือกใช้น้ำจืดแทน ซึ่งหลายคนอาจสงสัยถึงสาเหตุเบื้องหลัง
ข้อจำกัดในการใช้น้ำทะเลดับไฟป่า
1. ความเสียหายต่ออุปกรณ์ดับเพลิง
อุปกรณ์ดับเพลิงส่วนใหญ่ เช่น ถังน้ำและปั๊ม ผลิตจากโลหะที่เสี่ยงต่อการกัดกร่อนเมื่อสัมผัสกับน้ำเค็ม หากใช้น้ำทะเล อุปกรณ์ราคาแพงเหล่านี้อาจเสียหายจนใช้งานไม่ได้
2. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เกลือจากน้ำทะเลที่ตกค้างในดินอาจทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นดินเค็มที่ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก พื้นที่ป่าที่ถูกเผาไหม้ก็จะกลายเป็นแห้งแล้ง และอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นฟู
3. อุปสรรคในเชิงปฏิบัติ
การขนส่งน้ำทะเลไปยังพื้นที่ไฟป่าห่างไกลต้องใช้งบประมาณและเวลาอย่างมหาศาล น้ำต้องถูกสูบจากทะเล บรรทุกด้วยรถบรรทุกไปยังจุดเก็บน้ำแบบพกพา และสูบเข้าสู่ปั๊มเพื่อนำไปใช้ ซึ่งเป็นกระบวนการซับซ้อนและไม่เหมาะสมในสถานการณ์ฉุกเฉิน
4. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
การใช้อากาศยาน เช่น เฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินดับเพลิงอย่าง "ซุปเปอร์ สคูปเปอร์" เพื่อเก็บน้ำทะเลมีความเสี่ยงสูง เฮลิคอปเตอร์ต้องบินต่ำเพียง 3-4 ฟุต จากผิวน้ำ หากเกิดคลื่นแรง อาจทำให้เครื่องเสียการควบคุมและเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
กัปตันแลร์รี เคิร์ตซ์ จากหน่วยดับเพลิงแคลิฟอร์เนีย อธิบายกับ The Orange County Register ว่า แม้น้ำทะเลจะดูเป็นทางเลือกที่เข้าถึงง่าย แต่ข้อจำกัดทั้งด้านเทคนิค ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย ทำให้เจ้าหน้าที่เลือกใช้น้ำจืด ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยกว่า
ไฟป่าครั้งนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายความสามารถในการดับไฟ แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการจัดการทรัพยากรอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวที่เกิดจากการตัดสินใจในสถานการณ์ฉุกเฉิน