เปิดโผ! 5 ชาติอาเซียน ใครมีทุนสำรองสูงสุด? ไทยอยู่อันดับที่....

สถานการณ์โลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากปัจจัยต่างประเทศและภายในภูมิภาคอาเซียน ทำให้หลายฝ่ายจับตามองถึงเสถียรภาพทางการเงินของแต่ละประเทศ เพื่อประเมินความพร้อมในการรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น

บทความนี้จะเจาะลึกถึงสถานะทุนสำรองระหว่างประเทศของ 5 ประเทศหลักในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย เพื่อวิเคราะห์ว่าประเทศใดมีเกราะป้องกันทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุด

การจัดอันดับเสถียรภาพทางการเงินในอาเซียน 5

จากข้อมูลที่รวบรวมโดยคุณกุสุมา ธนวงศ์ นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารกรุงเทพฯ พบว่าแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน 5 มีสถานะทุนสำรองที่น่าสนใจดังนี้:

1.สิงคโปร์: ผู้นำด้านทุนสำรองระดับโลก
สิงคโปร์ ถือเป็นประเทศที่มีทุนสำรองมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน 5 โดยมีมูลค่าสูงกว่า 390,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังติดอันดับต้น ๆ ของโลกเมื่อเทียบกับสัดส่วน GDP การที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ทำให้มีการสะสมทุนสำรองจำนวนมหาศาลเพื่อรองรับความผันผวนของตลาดโลกและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ประเทศไทย: แข็งแกร่งและเพียงพอ
ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่สอง ด้วยทุนสำรองประมาณ 260,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับภาระหนี้ต่างประเทศระยะสั้น และเพียงพอต่อการนำเข้าสินค้าและบริการได้นานกว่า 8 เดือน สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

3.อินโดนีเซีย: มีเสถียรภาพแต่ยังต้องระวัง
อินโดนีเซีย มีทุนสำรองอยู่ที่ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่ามีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระมัดระวัง เนื่องจากอินโดนีเซียยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากเงินทุนไหลออกและค่าเงินที่มีความผันผวนได้ง่าย

4.มาเลเซีย: เพียงพอแต่มีความเสี่ยง
มาเลเซีย มีทุนสำรองประมาณ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอ แต่มีความเสี่ยงจากการที่เศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกสินค้าเทคโนโลยี ซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับวัฏจักรของเศรษฐกิจโลก

5.ฟิลิปปินส์: ทรงตัวแต่ต้องจับตา
ฟิลิปปินส์ มีทุนสำรองประมาณ 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงจากช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังคงพอรองรับการนำเข้าได้ประมาณ 7 เดือน หากสถานการณ์การนำเข้าส่งออกมีความผันผวนมากกว่านี้ อาจจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการที่ระมัดระวังมากขึ้น

ความสำคัญของทุนสำรองในโลกที่ไม่แน่นอน
แม้ว่าการมีทุนสำรองจำนวนมากไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจจะแข็งแกร่งเสมอไป แต่ ทุนสำรองระหว่างประเทศ ถือเป็นกันชนสำคัญในโลกที่เต็มไปด้วยความเปราะบางนี้ ประเทศใดที่มีทุนสำรองมาก ย่อมสามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากวิกฤตได้ดีกว่า ประเทศไทยตระหนักดีว่าทุนสำรองไม่ใช่เพียงแค่ของสะสม แต่คือเครื่องมือสำคัญในการประคองเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารกรุงเทพฯ ยังได้เน้นย้ำว่า การวิเคราะห์เงินสำรองที่แท้จริงจะต้องมองลึกไปถึงภาระการนำเข้าและหนี้ระยะสั้นที่ครบกำหนด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ในโลกที่ไม่แน่นอนเช่นปัจจุบันนี้ ความยืดหยุ่น (resilience) คือแต้มต่อที่ประเมินค่าไม่ได้ในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ