ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ! ส่องเทรนด์ สะกดจิต(Hypnotic) ที่กำลังไวรัล


ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ! ส่องเทรนด์ สะกดจิต(Hypnotic) ที่กำลังไวรัล


ถ้าพูดถึงคำว่า "สะกดจิต" (Hypnotic) ภาพแรกในหัวของหลายคนคงเป็นนาฬิกาลูกตุ้มที่แกว่งไปมา หรือฉากในหนังที่ตัวละครถูกสั่งให้ทำอะไรแปลกๆ "คุณกำลังง่วง... คุณกำลังง่วง..." อะไรทำนองนั้น

แต่เดี๋ยวก่อน! ลบภาพเก่าๆ นั่นทิ้งไปได้เลย เพราะในโลกปี 2025 นี้ การสะกดจิตมันไปไกลกว่านั้นมาก มันไม่ใช่ไสยศาสตร์หรือมายากล แต่เป็น "เทรนด์สุขภาพจิต" ที่กำลังปังสุดๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มองหาการฮีลใจแบบ ทันสมัย

สรุปแบบสั้นๆ: มันคืออะไรกันแน่?

การสะกดจิต (Hypnosis) หรือที่เรียกหรูๆ ว่า "Hypnotherapy" (การบำบัดด้วยการสะกดจิต) มันไม่ใช่การหลับ หรือการเสียการควบคุมตัวเองไปเลย

มันคือฟีล "โฟกัสขั้นสุด"
นึกภาพตอนที่เราอินกับซีรีส์หรือเล่นเกมจนลืมโลกรอบข้าง ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงแม่เรียก... นั่นแหละครับ สภาวะคล้ายๆ กัน มันคือสภาวะที่จิตใจเราเปิดรับ "คำแนะนำ" ใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น นักบำบัด (หรือแม้แต่แอปฯ) จะใช้จังหวะนี้แหละ ในการไกด์เราให้เข้าไป "อัปเดตซอฟต์แวร์สมอง" เปลี่ยนความคิดลบๆ หรือสร้างนิสัยใหม่ๆ ที่เราอยากได้

ส่องกระแสต่างประเทศ: ทำไมมันถึงฮิต?

ถ้าไปดูตลาดโลกตอนนี้ จะเห็นเลยว่าธุรกิจ Hypnotherapy นี่คือบูมมาก มูลค่าตลาดคือระดับ พันล้าน ดอลลาร์ และมันกำลังโตแบบพุ่งกระฉูดเลย ทำไมล่ะ?

1. มัน "Digitalized" ไปแล้ว (แอปฯ สะกดจิตเต็มสโตร์!) นี่คือเทรนด์ที่จึ้งที่สุด! คนยุคนี้ไม่ต้องไปหานักบำบัดแพงๆ เสมอไป พวกเขามีสิ่งที่เรียกว่า Self-Hypnosis Apps ครับ แอปฯ อย่าง HypnoBox, UpNow หรือ Harmony กำลังฮิตมาก แค่เสียบหูฟัง เปิดแอปฯ แล้วเลือกเลยว่าอยากจะ "โปรแกรม" ตัวเองเรื่องอะไร:

อยากนอนหลับง่ายขึ้น

อยากลดความเครียด ความกังวล

อยากเลิกบุหรี่/ลดน้ำหนัก

อยากเพิ่มความมั่นใจตอนพรีเซนต์งาน

มันคือการ "ฮีลใจ" ที่ทำได้เองที่บ้าน สะดวกและเป็นส่วนตัวสุดๆ

2. มัน "High-Tech" ขึ้น (VR และ AI ก็มา) สายฝอบางส่วนไปไกลกว่านั้นอีก พวกเขาเริ่มใช้ VR (Virtual Reality) ในการสะกดจิต! ลองนึกภาพการบำบัดที่เราได้ "ดำดิ่ง" เข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่โคตรจะผ่อนคลาย มันช่วยให้จิตเราเข้าสู่สภาวะ "Trance" (ภวังค์) ได้ง่ายและลึกขึ้นกว่าเดิมอีก นอกจากนี้ AI ก็เริ่มถูกนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์และ "ออกแบบ" โปรแกรมสะกดจิตที่เหมาะกับแต่ละคนโดยเฉพาะ

3. มัน "Mainstream" และ "Doctor-Approved"
ที่สำคัญที่สุดคือ มันไม่ใช่เรื่อง "นอกกระแส" อีกต่อไป โรงพยาบาลและคลินิกในอเมริกาหรือยุโรป เริ่มยอมรับการสะกดจิตเป็นการรักษาเสริมแบบจริงจัง

หมอแนะนำ:
สถาบันการแพทย์ใหญ่ๆ แนะนำให้ใช้รักษาอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) หรืออาการร้อนวูบวาบของคนวัยหมดประจำเดือน

ใช้ในโรงพยาบาล: ใช้เพื่อช่วยคนไข้ลดความกังวลก่อนการผ่าตัด หรือแม้แต่ช่วยจัดการกับความเจ็บปวดเรื้อรัง

สรุปคือ... มันเวิร์กจริงมั้ย?
ถ้าหวังว่ามันจะเป็นเวทมนตร์ สั่งปุ๊บหายปั๊บ... ก็คงไม่ใช่ แต่ถ้ามองมันเป็น "เครื่องมือ" ช่วยจูนสมอง มันก็คือเทรนด์ Wellness ที่น่าสนใจมาก เพราะเราอยู่ในยุคที่ทุกคนเครียด กังวล และอยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม

การสะกดจิตเลยกลายมาเป็นทางลัด (ที่ปลอดภัยและมีงานวิจัยรองรับ) ที่ช่วยให้เรา "รีเซ็ต" ความคิดตัวเองได้ โดยไม่ต้องพยายามหักดิบด้วยสติที่เหนื่อยล้า... แค่ผ่อนคลาย และปล่อยให้ "เสียงนำทาง" ดีๆ เข้าไปทำงานกับจิตใต้สำนึกของเราแทน

ว่าไงล่ะ... เทรนด์นี้มันก็น่าลองอยู่เหมือนกันนะ!


เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์