๏ ในนิยามความรักประจักษ์ว่า
เมื่อมีรักมักพาให้ทุกข์หนอ
ต้องว้าเหว่หงอยเหงาต้องเฝ้ารอ
ต้องงอนง้อต้องต่อรองเพื่อผ่องใจ
เพียรสานใจสองใจรวมเป็นหนึ่ง
เพื่อตราตรึงซึ้งซับกับสิ่งใหม่
เพื่อเรียนรู้คู่กันทุกวันไป
เป็นบทเรียนเวียนไหวไนชีวา
ครั้นพอหลอมรวมตัวได้สักพัก
บ้างประจักษ์คู่กันนั้นไร้ค่า
จึงต่างอยากจากไปไม่อยากลา
แสวงหาทุกข์ใหม่มาก่ายเกย
ว่าด้วยเรื่องสามีภริยา
ตามหลักการพุทธศาสนาท่านเฉลย
ภริยาเจ็ดอย่างวางเปรียบเปรย
เพื่อหญิงชายได้ผายเผยใจพิจารณ์ ๚ะ๛
๏ หนึ่งภริยาเยี่ยงเพชฌฆาต
ถือเป็นคู่ชูวาสน์มิคาดหมาย
แม้จะรักแต่ทะเลาะมิเว้นวาย
ถึงทำลายกายกลจนสิ้นลม
สองภริยาดุจโจรี
เป็นคู่ที่ร้าวรานสานขื่นขม
คอยขโมยสมบัติผลัดสดมภ์
ของคู่สมถมไว้ใช้ส่วนตัว
สามภริยาเป็นเยี่ยงนาย
เมื่อเป็นคู่สมหมายแล้วชวนหัว
ชอบยกตนข่มคู่ขู่ให้กลัว
ใช้ไปทั่วด้วยคร้านสันดานตน
สี่ภริยาเยี่ยงมารดร
ถือเป็นคู่สยุมพรมีเหตุผล
คอยห่วงใยในคู่ชูกมล
ดุจมารดาเปรอปรนซึ่งบุตรา
ห้าภริยาดุจน้องสาว
มีน้ำใจใสพราวราววรรษา
ต่างเคารพสัตย์ซื่อถือสัจจา
ดุจดังว่าพี่น้องคล้องสัมพันธ์
หกภริยาเยี่ยงสหาย
เป็นเพื่อนผู้คู่กายไม่เปลี่ยนผัน
คอยห่วงหาอาทรกันและกัน
ร่วมทั้งทุกข์สุขสันต์อย่างมั่นคง
เจ็ดภริยาประดุจทาส
ยอมเป็นคู่ใต้อำนาจตามประสงค์
ของอีกฝ่ายแม้ฝืนยืนดำรง
ยังจำนงเป็นคู่ชื่นชูชนม์ ๚ะ๛
สิริมงคล ๒๐/๑๐/๕๕
เรียบเรียงจาก : จาก คู่ครองที่ดี ชีวิตบ้านที่สมบูรณ์ พระพรหมคุณาภรณ์