การอุทิศบุญ หมายถึง การแบ่งปันบุญอันเกิดแต่การทำความดี มีการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ไหว้พระ สวดมนต์ หรือจากการทำความดีอื่นๆ ให้กับเทพเทวดา เจ้ากรรมนายเวร บิดามารดา และญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงผู้มีพระคุณ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย
เมื่อท่านเหล่านั้นได้รับส่วนบุญที่เราอุทิศให้ ก็จะทำให้พ้นจากความทุกข์ มีความสุขเพิ่มขึ้น สัตว์หรือดวงวิญญาณใดที่อาฆาตพยาบาทต่อเรา ก็จะอนุโมทนาในส่วนบุญของเรา และอโหสิกรรมแก่เรา เป็นการตัดห่วงโซ่เวรกรรมระหว่างเจ้ากรรมนายเวรกับตัวเรา
อนึ่ง การอุทิศบุญนั้นจัดเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เรียกว่า ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ ผู้ที่ทำความดีแล้วอุทิศบุญ จึงชื่อว่าได้บุญ ๒ ต่อ คือ ได้บุญจากการทำดีอย่างหนึ่ง และได้บุญจากการอุทิศบุญอย่างหนึ่ง
การอุทิศบุญนั้นแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. การอุทิศบุญด้วยการกรวดน้ำ
๒. การอุทิศบุญด้วยใจ
๑. การอุทิศบุญด้วยการกรวดน้ำ หมายถึง การอุทิศบุญด้วยการเทน้ำลงในภาชนะ
ซึ่งอาจแยกเป็น ๒ ลักษณะ คือ
- กรวดน้ำในพิธีที่มีพระสงฆ์อยู่ด้วย เช่น ทำบุญถวายสังฆทาน ทำบุญบ้าน การกรวดน้ำอุทิศบุญแบบนี้ ให้กรวดน้ำตอนพระสวดให้พรขณะขึ้นบท ยถา วาริวหา... เมื่อพระขึ้นบท สัพพี... ให้เทน้ำให้หมด จากนั้นนำน้ำไปรดต้นไม้ ขณะที่เทให้ตั้งจิตกล่าวคำอุทิศบุญซึ่งมีหลายแบบด้วยกัน ให้เลือกตามสะดวก
- กรวดน้ำแบบไม่มีพระสงฆ์ เป็นการกรวดน้ำหลังจากที่ไหว้พระสวดมนต์ หรือทำบุญอย่างอื่นเสร็จ วิธีการให้เตรียมน้ำใส่ภาชนะ เสร็จแล้วให้กรวดใส่ภาชนะที่เตรียมไว้รองน้ำ พร้อมกับกล่าวคำอุทิศตามแต่สะดวก
๒. การอุทิศบุญด้วยใจ หมายถึง การอุทิศบุญด้วยการน้อมส่งบุญไปให้โดยไม่กรวดน้ำ ใช้ในกรณีที่ไม่มีน้ำกรวด นิยมเรียกกันว่า กรวดน้ำแห้ง ซึ่งการกรวดน้ำแห้งก็นิยมกล่าวคำอุทิศบุญเหมือนกับการกรวดน้ำทั่วไป เพียงแต่การกรวดน้ำด้วยใจจะไม่มีน้ำ ส่วนคำอุทิศบุญยังคงต้องกล่าวอยู่ ซึ่งมีหลายแบบจะเลือกแบบไหนก็ได้ เพราะคำอุทิศบุญนี้ไม่มีรูปแบบกำหนดตายตัว