ด้วย อานิสงส์แห่งการสวดมนต์และการได้อัญเชิญพรหมเทพเทวา เจ้ากรรมนายเวร ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายให้มาร่วมสวดหรือให้มาร่วมอนุโมทนาฟังธรรมจากพระ พุทธองค์นั้น
หรือ ชักชวนผู้อื่นร่วมสวดหรือได้ร่วมจัดพิมพ์บทสวดมนต์เพื่อเป็นธรรมทานเป็นมหา บุญกุศลที่ทำจะช่วยดลบันดาลให้บังเกิดโภคทรัพย์ เกิดปัญญา พาหลุดพ้นเวรกรรมบางกรรม
เพราะบุญใหญ่นี้จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิกรรมได้ง่ายและถอนตัวจากอุปสรรคทั้งปวงรวมถึงโรคเวรโรคกรรมทั้งปวง
ชีวิต ครอบครัวจะพบแต่ความสุข ความเจริญ การขัดแย้งใดๆ จะยุติลง ลูกหลานจะเป็นคนดี กิจการการค้าไหลรื่น เงินไหลนองทองไหลมา การงานที่เคยติดขัดจะคล่องตัวสะดวกขึ้น บรรพบุรุษจะได้อานิสงส์บุญมากนำไปสู่ภพภูมิที่ดี
ท่าน ใดได้สวดมนต์ สร้างทาน รักษาศีล ภาวานาเป็นประจำชีวิตจะมีแต่ความสุข ความอุดมสมบูรณ์ เป็นมหามงคล มั่งคั่ง รุ่งเรืองตลอดกาลนานไปทุกภพทุกชาติ
ครู บาอาจารย์ท่านย้ำว่า การสวดมนต์จนสามารถเปลี่ยนชีวิตได้อย่างฉับพลันนั้น ทำได้จริงแต่ต้องรู้วิธีที่ทำให้เกิดขึ้นด้วยและลงมือปฏิบัติจริงและการเผย แพร่บทสวดมนต์เป็นธรรมทานนั้นได้อานิสงส์สูงมาก
ขั้นตอนที่ ๑ สร้างบุญด้วยการทำสมาธิก่อนสวด
การ สมาธิเจริญภาวนานั้น ถือเป็นมหาบุญกุศลที่ใหญ่ที่สุดเหนือกว่าทาน เหนือกว่าศีล เป็นการรวมจิตและ ชำระจิตให้สะอาด เหมือนภาชนะที่พร้อมจะรองรับสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต
ก่อน ที่จะสวดเมื่ออยู่ในท่าที่สบายๆ แล้วให้กราบ 3 ครั้ง กราบครั้งที่หนึ่งให้จิตเราน้อมลงระลึกพระมหาบุญบารมีของพระพุทธเจ้า กราบครั้งที่สองระลึกถึง พระธรรมเจ้า กราบครั้งที่สามระลึกถึงพระสังฆเจ้า นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระรัตนตรัยทั้งสาม ที่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพบทางสว่าง วิธีดับทุกข์ทั้งปวง
หลังจากนั้นให้นั่งสมาธิสักครู่ พยายามให้จิตระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปที่เรานับถือระลึกได้ในขณะนั่งสมาธิ
ขั้นตอนที่สอง น้อมถวายบุญตั้งจิตอธิษฐาน
หลัง จากทำสมาธิแล้ว ขอให้ตั้งจิตให้มั่นแล้วอุทิศบุญในการทำสมาธินี้และรวมบุญทั้งหมดที่เคยทำ นั้น น้อมถวายพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า โมทนาพระคุณความดีของครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นการเชื่อมบุญกันในอีกรูปแบบหนึ่ง ขอมีส่วนร่วมในบุญของท่าน และขอมีส่วนร่วมในบุญของผู้สวดคนอื่นที่สวดคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้น ด้วย เมื่อใดก็ตามที่มีคนอื่นสวดและกระทำเหมือนกับเรา เราจะได้บุญเพิ่มทุกครั้ง
ขั้นตอนที่สาม สวดมนต์แบบสวดทั้งหัวใจและเข้าใจ
ใน เวลาที่เราเริ่มสวดมนต์ ควรเตรียมจิตให้มั่นคง อานิสงส์จะมากหรือน้อยนั้น อยู่ที่จิตมีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริงแค่ไหน และเวลาสวด สวดด้วยความเคารพจริง ถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าสวดว่าเรื่อยเปื่อยไปไม่ได้ตั้งใจจิตไม่จดจ่อมีพลัง เป็นการสวดมากแต่อานิสงส์น้อย ควรเอาคุณภาพดีกว่าปริมาณ
ขณะ สวดวางสติให้จดจ่ออยู่กับการพิจารณาตัวอักขระ ให้รู้ว่าอักขระหรือตัวหนังสือที่เรากำลังสวดนั้นคือตัวอะไร หากรู้คำแปลจะดีมากเพราะ การสวดมนต์โดยรู้คำแปลจะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ทำให้เกิดปัญญา แต่หากยังแปลไม่ออก ก็ไม่เป็นไร ให้สวดด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์อย่างสูงสุด
ใน การสวดมนต์นั้นขึ้นอยู่กับจิต หากจิตเรานิ่งจะสวดนานแค่ไหนก็ได้ หากครบทุกบทที่ตั้งใจก็จะดี บทสวดที่จะสวดนั้นให้พิจารณาว่า เราปรารถนาในเรื่องใดก็เลือกบทสวดนั้นโดยเฉพาะ อำนาจ วาสนา โชคลาภบารมี เจ็บป่วย แคล้วคลาด ฯลฯ
แต่ ถ้าจิตไม่นิ่งสับสน ขอให้หยุดพักจิตสักครู่แล้วสวดใหม่ได้ การฝึกจิตให้มีกำลังในการอดทนในการสวดมนต์ถือว่าเป็นเรื่องดี ควรอดทนทำ เหมือนกับคนเล่นกล้ามที่ยกตุ้มน้ำหนักบ่อย จากที่ใช้แบบมีน้ำหนักน้อยๆไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดใช้ตุ้มแบบหนักมากได้เพราะมีกำลังมากขึ้น
ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนเสมอว่า หากจิตมีพลังสวดแค่หนึ่งพระคาถาหรือหนึ่งตัวอักษรก็เปลี่ยนชีวิตได้
ขั้นตอนสุดท้าย สวดมนต์เสร็จควรทำสมาธิอีกครั้งและแผ่เมตตา
เมื่อ สวดมนต์เสร็จให้กลับมาทำสมาธิอีกครั้ง อาจจะนานกว่าในก่อนสวด อยู่ในสมาธิจนรู้สึกว่าจิตนิ่งดีแล้ว ในช่วงสุดท้ายก่อนอออกจากสมาธิ ขอให้เพิ่มบุญใหญ่ด้วยการพิจารณาเรื่องการเกิด แก่ เจ็บตาย อันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก
รู้ ว่าเรามาจากดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุเมื่อถึงเวลาก็ต้องสูญสลายกลับคืนไปไม่มีเหลือ หรือให้จิตใคร่ครวญพิจารณาเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตที่กำลังก่อให้เกิด ทุกข์ มองค้นหาถึงสาเหตุที่แท้จริงและการที่จะแก้ไขได้ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ต้องดับไปไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ใจก็เป็นสุข ได้ถอดถอนจากกิเลส ลดความอยากได้ อยากมีออกไปในชีวิตได้ ในการพิจาณานี้ถือว่าเป็นการเจริญวิปัสสนา
ซึ่ง เป็นมหาบุญกุศลและมีประโยชน์มากในชีวิตของคนเรา การทำสมาธิในเบื้องต้นเพื่อให้จิตนั้นนิ่งมีกำลังเราเรียกว่า “สมถกรรมฐาน” หรือสมาธิภาวนา คือการฝึกจิตให้เกิดความสงบ ที่เราเรียกกันตามประสาชาวบ้านว่าการทำ “สมาธิ” แต่เมื่อนิ่งแล้วต้องเอาจิตนั้นมาพิจารณาให้เกิดประโยชน์กับตัวเราเองเป็น การ “เจริญวิปัสสนากรรมฐาน”
การ เจริญวิปัสสนาเป็นการกระทำที่จะได้มหาบุญกุศลที่สุดและคลายวิบากกรรมได้ดี ที่สุดด้วย เพราะเป็นการชำระจิตให้หมดกิเลสไม่ให้กรรมมาตามส่งผลอีก
เมื่อ ได้ทำสมาธิจนสมควรแก่เวลาเมื่อจะออกจากสมาธิ ให้ทำใจให้อภัย ให้อโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวร คนที่ทำให้เราขุ่นข้องหมองใจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สัตว์ก็ตาม เมื่อให้อโหสิกรรมเสร็จแล้ว ให้อธิษฐานและแผ่เมตตาตามที่เราปรารถนา
ขอบุญรักษา
ธ.ธรรมรักษ์



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday