จงเป็นผู้ให้ แล้วเราจะได้รับทุกสิ่ง

ทุกวันนี้ที่เราท้อแท้เบื่อหน่าย เพราะเราไม่ได้ดังใจไปกับทุกสิ่งอย่าง
เวลาเราลงมือทำอะไรก็มักจะคิดว่าลงทุนและทุ่มเทให้กับสิ่งนั้นมากแค่ไหน
เมื่อคิดเช่นนั้นก็จะเกิดการถอนทุนคืน เพื่อไม่ให้ตัวเองขาดทุนเกิดขึ้น
เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกขาดทุน

หากคิดเช่นนี้กับทุกเรื่อง
ใจก็จะยิ่งกำทุกข์แน่นหนา
นานวันเข้าตนก็จะรู้สึกว่าขาดทุน มีคนเอาเปรียบอยู่ร่ำไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ควรแก้ไขความคิดเสียใหม่
คิดทำการสิ่งใด ทำอะไร อยู่กับใคร
ต้องมองว่าเราได้ "ให้" อะไรจากที่นั่น
จากสิ่งนั้น จากคนนั้นบ้าง อย่ามัวมองว่าเราเสียอะไร
อย่างเช่น ไปทำงาน เราได้อะไร ได้ใช้ชีวิตที่มีประโยชน์ ได้ค่าของความเป็นคน แลกกับค่าตอบแทนเลี้ยงดูครอบครัวใช่หรือไม่
หรือสถานที่ที่เราไป เช่น ไปวัดเมื่อไปแล้วได้อะไร ที่ตรงนี้เปิดโอกาสให้เราเป็นคนที่มีคุณภาพ ได้เรียนรู้พระธรรม ได้ทำทาน จิตใจสุบสงบ เรามีโอกาสได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เมื่อคิดว่าเราได้อะไรก็จะไม่น้อยเนื้อต่ำใจ

บางคนทุกข์มากเหลือเกิน เมื่อได้ลองฟังธรรมะ นั่งสมาธิ แล้วรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คำสอนของครูบาอาจารย์ท่านได้แนะนำว่า
"ทางโลกให้มองทางต่ำ ทางธรรมให้มองทางสูง เมื่อเกิดความรู้สึกว่าเราแย่แล้วก็ให้ไปนั่งบอกตนเองว่า"

ในขณะที่เราแย่ ก็ยังมีคนอื่นที่แย่มากกว่าเราอีก
ในขณะที่เราแย่มากแล้ว ก็ยังมีคนอื่นที่แย่มากๆ กว่าเราอีก
ในขณะที่เราแย่มากๆแล้ว ก็ยังมีคนอื่นที่แย่มากๆๆ กว่าเราอีก
ในขณะที่เราแย่มากๆๆแล้ว ก็ยังมีคนอื่นที่แย่มากๆๆๆ กว่าเราอีก

ไม่ใช่การเข้าข้างตัวเอง แต่เป็นการคิดเพื่อให้ตัวเองเห็นประโยชน์ในตนเอง ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า อย่าคิดจะเอาแต่ได้เพียงฝ่ายเดียว อย่าคิดแต่ว่าตัวเรานั้นเสียเปรียบตลอดเวลา
ในร้ายมีดี ในดีมีเสีย ไม่มีใครจะได้อะไรและเสียอะไร โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
จงเป็นผู้ให้แล้วท่านจะได้รับทุกสิ่ง
...
เครดิตแหล่งข้อมูล : เพจเห็นทุกข์เห็นธรรม