คน ถูกแบ่งเป็นทั้งหมด4ประเภท

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แยกบุคคลมีความต่างกัน 4 ประเภท คือ

1.บุคคลผู้มืดมา มืดไป
2.บุคคลผู้มืดมา สว่างไป
3.บุคคลผู้สว่างมา มืดไป
4.บุคคลผู้สว่างมา สว่างไป

เราจัดอยู่ในประเภทไหน?

1. บุคคลมืดมาแล้ว...มืดต่อไป
บุคคลที่ยากจนขัดสนข้าวน้ำของกิน ความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น หาอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้โดยฝืดเคือง ซ้ำเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ เตี้ยแคระ มากไปด้วยโรค ตาบอดบ้างเป็นง่อยบ้าง เปลี้ยบ้าง ไม่ใคร่ได้ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยานดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีป บุคคลนั้นยังประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อย่างนี้แลบุคคลมืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

2. บุคคลมืดแล้ว...มีสว่างไปภายหน้าเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลต่ำ บุคคลนั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจาใจแล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อย่างนี้แลบุคคลมืดมา แล้วมีสว่างไปภายหน้า

3.บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า
บุคคลที่เกิดในตระกูลสูง มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินทองมีข้าวของเครื่องใช้ มีทรัพย์ธัญชาติเป็นอันมาก ทั้งมีรูปร่างสะสวยเจริญตาเจริญใจ ประกอบด้วยผิวพรรณงดงามยิ่งนัก เป็นผู้มีปกติได้ข้าวน้ำ ผ้า ยวดยานดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีป บุคคลนั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้วกายแตกตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อย่างนี้แล บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

4.บุคคลสว่างมาแล้ว..มีสว่างไป
บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลสูง คือตระกูลกษัตริยมหาศาล ฯลฯ บุคคลนั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อย่างนี้แล บุคคลสว่างมาแล้วมีสว่างไปภายหน้า

ภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

น้อมนำคำสอนพระวัดป่า พ่อแม่ครูบา
#เห็นทุกข์เห็นธรรม