8 คำถามน่าอาย ที่ต้องอาศัยวิทยาศาสตร์มาช่วยตอบ

หลายคำถามเกี่ยวกับร่างกายกลายเป็นเรื่องน่าอายที่หลายคนไม่กล้าถาม ทั้งที่บางทีมันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ชวนขวยเขินซะหน่อย วันนี้มาเริ่มด้วย 4 คำถามแรกที่ไม่ค่อยมีใครเคยถามกันเลย

ขี้ตามีประโยชน์อะไรมั่งเนี่ย?

ไม่มีเลย! มันก็แค่ผลพลอยได้จากการทำงานของดวงตา โดยที่ต่อม Meibomian ที่ใต้เปลือกตา (หรือรู้จักกันในชื่อต่อม Tarsal) หลั่งน้ำมัน Meibum ออกมาเพื่อช่วยเคลือบดวงตาขณะกระพริบตา ทั้งยังช่วยหยุดการระเหยของน้ำตา แต่ตอนกลางคืนหรือตอนนอน มันดันไปผสมกับ Rheum ของเหลวที่ดวงตา (และจมูก) ปล่อยออกมา ซึ่งตอนนอนย่อมไม่มีใครกระพริบตา มันจึงไม่ถูกกำจัดออกไป ที่สุดก็เลยแห้งและไปกองรวมกันที่หัวตา กลายเป็นขี้ตา ส่วนในจมูกก็กลายเป็นขี้มูกไงล่ะ

ทำไมเวลา‘จาม'ต้องหลับตาด้วย?

Dr. Rachel Vreeman เคยบอกกับ NBC News เมื่อปี 2013 ว่ามันคือปฏิกิริยาสะท้อนกลับ เมื่อสมองส่งสารว่าจะ‘จาม'ละนะ เปลือกตาก็จะถูกสั่งให้หลุบลงโดยอัตโนมัติ

ทฤษฎีนี้สอดคล้องกับที่ Dr. Robert Naclerio ศัลยแพทย์ และหัวหน้าภาควิชาโสต ศอ นาสิก แห่ง University of Chicago Medicine เคยบอกกับ NBC News เช่นกัน "ไม่มีทางฝืนได้เลย เพราะกล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่แข็งแรงพอ"

ผิวหนัง เล็บ ผม ถูกสร้างหรืองอกใหม่ได้เรื่อยๆ แล้วทำไมแขนขาไม่งอกใหม่มั่ง?

คำตอบง่ายๆก็คือ ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนรู้จริง

แต่ก็พออธิบายได้ว่า ตอนเราอยู่ในมดลูก เซลล์ที่ทำให้อวัยวะต่างๆก่อกำเนิดขึ้นมา คือเซลล์ที่เรียกว่า Embryonic Stem Cells แต่เมื่อเจริญเติบโตแล้ว เซลล์ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนคือ Adult Stem Cells ซึ่งทำได้เพียงซ่อมแซมเล็บหรือผมขึ้นมาใหม่ รวมถึงสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง สร้างเม็ดเลือดขึ้นมาได้เท่านั้น แต่ไม่ได้เก่งถึงขนาดสร้างแขนขาขึ้นมาใหม่ ซึ่งต่างจากสัตว์อย่างเจ้าตัว Salamander ที่แขน ขา หรือหางสามารถงอกใหม่ได้

ทำไมขนในร่างกายบางแห่งมีมากกว่าตรงอื่น?

ขนมีพัฒนาการ 3 ขั้นตอน Anagen, Catagen และ Telogen

Anagen เป็นระยะการเจริญเติบโต อยู่ในขั้นตอนนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งยาวเท่านั้น ผมบนศีรษะอยู่ในขั้นตอนนี้ราว 2 ถึง 6 ปี แต่ขนในส่วนอื่นๆของร่างกายไม่ใช่ (ขนคิ้วอยู่ในขั้นตอนนี้ราว 10 สัปดาห์) หลังพ้นระยะ Anagen ขนจะขาดเลือดมาหล่อเลี้ยงและหลุดออกในที่สุด ขนใหม่ก็เข้ามาแทนที่

ที่มา : buzzfeed.com