พังพินาศ! โดมกักสารพิษแห่งสุดอันตราย ผลพวงการทดลองนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ

ทดลองจนพังพินาศ! โดมกักสารพิษแห่ง 'Enewetak Atoll' สถานที่สุดอันตราย ผลพวงจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ

แม้ว่าหลายประเทศจะอ้างว่าการทำสงคราม เพื่อปกป้องคนของตัวเอง แต่อาวุธที่ถูกนำมาใช้นั้นได้กลายเป็นภัยร้ายกับสิ่งแวดล้อมอย่างใหญ่หลวง หนึ่งในนั้นคือสถานที่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แห่งนี้ ที่ได้ทำลายระบบนิเวศในมหาสมุทรอย่างช้าๆ

เกาะเอเนเวตักอะทอลล์ (Enewetak Atoll) เกาะปะการังตามธรรมชาติที่เป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ มันได้ถูกเลือกให้เป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (อเมริกา-ญี่ปุ่น) แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ก็เป็นคิวของการแข่งขันพัฒนาอาวุธที่อันตรายที่สุดที่โลกเคยรู้จักของมหาอำนาจ "ระเบิดนิวเคลียร์" ในช่วงสงครามเย็น เกาะแห่งนี้จึงถูกเนรมิตให้กลายเป็นสนามทดลองหัวรบนิวเคลียร์ของกองทัพสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1948 ถึง 1958 รวมเวลาทั้งสิ้น 10 ปี มีการยิงหัวรบนิวเคลียร์ถึง 43 ครั้งเพื่อทดสอบบนเกาะแห่งนี้ หนึ่งในนั้นคือ "ไอวี่ไมค์" ระเบิดไฮโดรเจนลูกแรกที่สหรัฐฯ พัฒนาขึ้นได้สำเร็จ จนเกาะแห่งนี้ไม่เหมาะกับการดำรงชีวิตอีกต่อไป

ต่อมาในปี 1972 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้ามาตรวจวัดสารปนเปื้อนบนเกาะ ซึ่งพบว่ามันมีจำนวนมหาศาล ซึ่งไม่อาจประเมินงบประมาณสำหรับการกำจัดกากกัมมันตรังสีปนเปื้อนจำนวน 111,000 ลูกบาศก์เมตรได้เลย รัฐบาลสหรัฐฯ จึงวางแผนสร้างหลุมฝังกลบขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วขนย้ายกากกัมมันตรังสีอันตรายเหล่านี้ไปทิ้งไว้ ก่อนสร้าง "Runit Dome" โดมคอนกรีตขนาดใหญ่หนา 18 นิ้วปิดไว้ด้านบนเพื่อป้องกันการรั่วไหลของสารพิษ จากนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้เข้ามาเยียวยาด้านการเงินแก่คนในหมู่เกาะมาร์แชลล์เป็นการชดเชยมานับแต่นั้น

ทว่าในปี 2013 หน่วยงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ได้เข้ามาตรวจสอบเกาะเอเวเนตักอะทอลล์อีกครั้ง แล้วพบว่าโดมนี้เริ่มมีการชำรุดและมีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีออกมาแล้ว ทำให้นักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์กังวลว่าสารพิษเหล่านี้จะรั่วไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์อิสระได้ทำการศึกษาแล้วพบว่าหากโดมที่เก็บขยะกัมมันตรังสีเหล่านี้เผชิญกับพายุไต้ฝุ่น หรือ ภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิด โดมที่ว่านี้ก็จะถูกทำลายและปล่อยกัมมันตรังสีจำนวนมหาศาลออกมา ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนในหมู่เกาะมาร์แชลล์ และระบบนิเวศของมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ว่าทางกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ จะออกมารับปากว่าจะเข้ามาทำการซ่อมแซมโดมที่ชำรุดนี้ให้แข็งแรงขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวหมู่เกาะมาร์แชลล์ โดยมีการคาดว่าหากมีการเข้ามาจัดการของเสียอย่างจริงจังเกาะแห่งนี้จะปลอดภัยอีกครั้งในปี 2026

แต่มันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสหรัฐฯ ใช้ความได้เปรียบด้านการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของตัวเอง ซึ่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงได้ตกไปอยู่ที่ชาวหมู่เกาะมาร์แชลล์เต็มๆ นี่สินะ "อำนาจของเงิน"