ต่อไปนี้เป็นประวัติของพ่อของเธอ
อูอองซานเกิดวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ที่เมือง นะม็อก (Natmauk) ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในเขตกันดารตอนกลางของพม่า ปีนั้นครบรอบสามสิบปีที่อังกฤษเข้าปกครองพม่า อูอองซานเป็นลูกชายคนที่หก ซึ่งเป็นคนสุดท้องของครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ วัยเด็กอูอองซานเรียนเก่ง ฉลาด ผลการเรียนยอดเยี่ยม ทำงานหนัก และมีวินัยในตัวเองสูง
ตอนเด็ก ๆ ด้วยความที่อยากเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะต้องย้ายไปอยู่เมืองอื่น อูอองซานตัดสินใจประท้วงแม่ด้วยการอดอาหาร เพราะแม่ไม่ยอมให้ไปอยู่ไกล แต่ที่สุดประท้วงสำเร็จและได้ย้ายไปเรียนที่เมือง เยนานชอง (Yenangyuang) สมความตั้งใจ ตอนเป็นเด็ก อูอองซาน เขียนหนังสือระบายความในใจหลายหนว่า ฝันถึงวิธีการต่าง ๆ นานา ที่จะต่อต้านและขับไล่อังกฤษออกจากประเทศ บางครั้งถึงขั้นจินตนาการว่าอยากจะมีมนต์วิเศษเพื่อบันดาลให้ฝันเป็นจริง
เมื่อได้รับทุนเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งชาติ อูอองซาน เริ่มสนใจการกล่าวสุนทรพจน์ของนักการเมืองดัง ๆ และเข้าร่วมโต้วาทีในประเด็นการเมือง จากนั้นเริ่มเป็นบรรณาธิการวารสารของโรงเรียน ด้วยผลการเรียนยอดเยี่ยมในวิชาภาษาพม่าและบาลี อองซานได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งย่างกุ้ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕
ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย อูอองซานเข้าร่วมกิจกรรมหลายอย่างเช่นการกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขามักถูกเยาะเย้ยอยู่เสมอ เนื่องจากสำเนียงที่เขาพูดแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ หมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ
ในช่วงนั้นนักศึกษาพม่าตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยการถกเถียงเรื่องความรักชาติ พ.ศ. ๒๔๗๘-๒๔๗๙ กลุ่มนักศึกษาแนวชาตินิยมได้ขึ้นเป็นแกนนำของสหภาพนักศึกษา และอูอองซาน ได้ตำแหน่งเป็นบรรณาธิการวารสาร Oway ของสหภาพนักศึกษาพม่าในยุคนั้น
ช่วงนั้นวารสารตีพิมพ์บทความชิ้นหนึ่งชื่อ Hell Hound at Large หรือ หมานรกลอยนวล ซึ่งได้กลายเป็นชนวนให้เกิดเหตุประท้วงไปทั่วมหาวิทยาลัยใน พ.ศ. ๒๔๗๙ เนื้อหาของบทความโจมตีเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย ทำให้ผู้บริหารตามหาตัวผู้เขียนกันจ้าละหวั่น อูอองซานในฐานะบรรณาธิการ บอกว่าเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่จะเปิดเผยตัวผู้เขียน ตอนแรกอูอองซานถูกบีบให้ลาออก แต่ไม่ยอม กลุ่มแนวร่วมนักศึกษาเริ่มก่อการประท้วงเพราะไม่พอใจผู้บริหาร เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งประเทศจับตามอง หนังสือพิมพ์เผยแพร่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยแสดงความเห็นใจนักศึกษา ขณะเดียวกันกลุ่มนักการเมืองของพม่าก็เริ่มเห็นถึงแววและพลังทางการเมืองของนักศึกษา รัฐบาลเองถูกกดดัน ในที่สุดผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยต้องลาออก
จากการประท้วงครั้งนั้น อูอองซานกลายเป็นผู้นำนักศึกษา และเริ่มมีตำแหน่งทางการเมืองในฐานะประธานสหภาพนักศึกษาระดับประเทศ