ตำนานกล่าวไว้ว่าเทพซุส เป็นบุตรคนสุดท้องของเทพ Cronos ผู้แข็งแกร่ง เมื่อตอนที่เทพ Cronos ต่อสู้กับ Uranus จนสามารถเอาชนะเทพผู้นี้ได้ ทำให้เทพซีอุสจำเป็นต้องสังหารเทพ Cronos ส่วน Rhea ผู้เป็นภรรยาของเทพ Cronos ก็ไว้ใจ Gaia ให้มาทำหน้าที่คอยปกป้องดูแลเขา ในขณะที่เทพ Cronos กำลังจะกลืนกินลูกของเธอทีละคนๆ ซึ่งเธอก็ได้ปกป้องเทพซีอุส ซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องไว้ได้ และได้ส่งเขาให้ไปอาศัยอยู่กับนางไม้ Adrasteia และ Ida เทพซุสโตมาด้วยการเลี้ยงดูด้วยนมแพะ Amaltheia
เมื่อเทพซุส ก็ได้กลับมาต่อสู้กับพ่อตัวเอง โดยเขาได้รับการช่วยเหลือจาก Gaia อย่างดี จนทำให้เขาค่อยสำรอกเอาลูกๆ ที่เคยกลืนกินออกมาทีละคนๆ ซึ่งตอนนั้นพวกเขาก็ล้วนเติบโตขึ้นเป็นเทพ และเทพีแห่งโอลิมปัสกันแล้ว
ระหว่างการต่อสู้ของเทพซุส กับเทพ Cronos และ Titans ฝ่ายเทพซุสได้รับชนะ และได้กลายเป็นเจ้าแห่งเทพเจ้าในทันที ส่วนเทพ Cronos กับบรรดา Titan ของเขาต่าง ก็ถูกลงทัณฑ์โดยการกักขังเอาไว้ใน Tarturos แต่ Gaia ก็เกิดความไม่พอใจที่เทพซีอุสกล้ามาทำร้ายบรรดาไททันที่เป็นลูกของเธอ เธอจึงออกคำสั่งให้ Giants และ Typhon ออกไปต่อสู้กับเทพเทพซุส แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทัดทานฝีมือของเขาได้ นับจากนั้นเป็นต้นมา Gaia จึงได้ยอมรับว่าเทพซุสถือเป็นเจ้าแห่งเทพเจ้าและมนุษย์อย่างเต็มตัว
เทพซุส มีมเหสีชื่อว่า Hera และมีลูกๆออกมาทั้งหมด 4 คน ได้แก่ Ares (เทพเจ้าแห่งสงคราม) Eilethyia (เทพีแห่งการเกิด) Hebe (เทพีแห่งความเยาว์วัย) Hephaestus (เทพเจ้าแห่งงานช่าง) นอกจากนั้น เทพซีอุสยังมีความสัมพันธ์อันแสนลึกซึ้งกับเทพีองค์อื่นๆอีกมากมายหลายองค์
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวกรีซต่างให้การนับถือเทพซีอุส เป็นอย่างมาก เพราะเทพองค์นี้มีความสามารถเป็นที่สุด ส่วนชาวโรมันก็ได้มีการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อบูชาเทพเทพซุส โดยมีชื่อว่า Jupiter หรือ Jore มากไปกว่านั้น ศิลปะสมัยโบราณมากมาย ก็มักจะมีการจารึกภาพวาดของเทพผู้นี้ในรูปร่างของชายหนุ่มที่มีร่างกายบึกบึน มีหนวดเครายาวรุงรัง และถือดาบสายฟ้าไว้ในมือ
ส่วนสัตว์ที่คอยตามอารักขาก็มีหลากหลายชนิด เช่น นกอินทรีย์, วัว และหงส์ อีกทั้งยังมีรูปปั้นทองคำของเทพซุสที่มีการประดับด้วยงาช้างไว้อย่างสวยสดงดงามด้วย ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานแกะสลักของ Pheidias ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปฏิมากรชื่อดัง และถูกนำไปตั้งอยู่ในบริเวณวัดที่โอลิมปัส และถึงแม้ว่ารูปปั้นรูปนี้จะไม่ได้ถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ แต่ครั้งหนึ่งก็ถือว่าเคยเป็นหนึ่งในเจ็ดของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเช่นกัน