"สิ้นสนุกแล้วครั้งนี้ สิ้นสนุกแล้ว..."
ทั้งนี้ด้วยทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาโดยตลอดตั้งแต่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่๔ ทรงผนวชเป็นภิกษุ ครั้นพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตจึงทำพระพิมพ์ ๕ ชั้น ๗ ชั้น ๙ ชั้นขึ้นอีก ตั้งใจจะถวายสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ที่พิมพ์ไว้ครั้งก่อนแอบเอาไปบรรจุไว้ในพระเกศไชโย ที่วัดเกศไชโย อ่างทองหมด กำหนดจะพิมพ์ออกมาให้ได้ ๘๔,๐๐๐ องค์เท่าพระธรรมขันธ์ ต่อมาพระยานิกรบดินทร์ (โต) ได้ถวายทองคำเปลวมา ท่านก็ปิดพระที่จะถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯได้แค่ ๔๐,๐๐๐ องค์ทองก็หมด แต่พิมพ์งวดนี้จะได้ถวายหรือไม่ก็ไม่ปรากฏมีกล่าวไว้
ครั้นในปี พ.ศ.๒๔๑๕ เป็นปีที่ ๕ ในรัชกาลที่ ๕ สมเด็จโตไปดูงานก่อสร้างพระโตวัดบางขุนพรหมใน หรือวัดอินทรวิหารในปัจจุบัน ท่านได้ล้มป่วยด้วยโรคชรา ๑๕ วันก็มรณภาพบนศาลาใหญ่ สิริรวมพระชนมายุได้ ๘๔ พรรษาบริบูรณ์ เป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังมาได้ ๒๑ ปี เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์มาได้ ๗ ปี
หลังจากได้รับพระราชทานน้ำสรงพระศพแล้ว บรรจุลงโกศไม้ ๑๒ ยกลงเรือมาวัดระฆังโดยฝีพายหลวง และมีเรือของราษฎรพายตามมาเต็มแม่น้ำ ส่วนที่วัดระฆังก็มีคนรอรับอยู่ล้มหลาม พระครูปลัดสัมภิพัฒน์ (ช้าง) ได้ตักพระพิมพ์แจกชำร่วยแก่บรรดาผู้ที่มาส่งศพ เคารพศพ คนละองค์ หมดพระไป ๑๔ กระถางมังกร ราวสามหมื่นองค์ ปัจจุบันที่ยังเหลืออยู่องค์ละเป็นล้านทั้งนั้น...
ภาพเก่าลงสี สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรฺหมฺรํสี) สันนิษฐานว่าถ่ายเมื่อครั้งไปร่วมงานฉลองพระหลวงกาลสมัยนฤมิต (เหลี่ยม ศุกรสุข) ที่ ต. บ้านช่างหล่อ จ. ธนบุรี โดยมีพระครูปลัดมัศร์ วัดระฆังฯ นั่งอยู่ด้านซ้าย และพระอาจารย์ดำ วัดอมรินทราราอยู่ด้านขวา
Cr:::IG@khunchaiyod9t