พระตีหัวฝรั่งย่านวัดเกาะ ดราม่ายุคแรกช่วงบางกอกเริ่มเจริญด้วยการค้า-ต่างชาติ
ภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกและขึ้นครองราชย์ เมื่อพ.ศ. 2325 ทรงมีพระราชดำริให้ข้ามมาสร้างพระนครใหม่ทางคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาฟากตะวันออก แต่บริเวณที่โปรดฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่อยู่ของพระยาราชาเศรษฐี และชาวจีนจำนวนหนึ่ง จึงโปรดให้ย้ายไปอยู่ที่สวนบริเวณวัดสามปลื้ม ไปจนถึงคลองวัดสามเพ็ง
เมื่อชาวจีนมาตั้งถิ่นฐานแล้วจึงเกิดแหล่งการค้า จากนั้นก็เริ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ จากวัดสามเพ็ง (สะกดตามในพระราชพงศาวดารฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักคุ้นกับสำนวนว่า "สำเพ็ง") มาจนถึงวัดสามปลื้ม และวัดเกาะ ล้วนเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกัน จากการอธิบายของ สมบัติ พลายน้อย บอกเล่าว่า วัดเกาะมีนามเต็มว่า "วัดเกาะแก้วลังการาม" อยู่ริมถนนทรงวาดเหนือวัดปทุมคงคา เขตอำเภอสัมพันธวงศ์ เชื่อว่ามีแนวโน้มสร้างแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นอย่างช้า ย่านวัดเกาะเป็นพื้นที่อันมีชื่อเสียง นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตวรรณกรรมแล้ว ยังเป็นแหล่งเริ่มต้นของการเข้ามาสอนศาสนาคริสต์ของชาวตะวันตก
สำหรับมิชชันนารีอเมริกันนั้น ว่ากันว่า ไปตั้งสำนักในแถบวัดเกาะ หลักฐานจากการสืบค้นโดยสมบัติ พลายน้อย บ่งชี้ว่ามีศาสนทูตอย่าง ชาร์ล โรบินสัน และศาสนาจารย์สตีเฟน จอห์นสัน มาถึงกรุงเทพฯ เมื่อกรกฎาคม พ.ศ. 2377 (ค.ศ. 1834) ทั้งสองเช่าที่แปลงขนาดเล็กเหนือวัดเกาะด้านท้ายตลาด
จากการบอกเล่าของนายแพทย์ แดน บี. บรัดเล นายแพทย์จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นชาวอเมริกันอีกรุ่นที่เข้ามาพำนักในไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2378 ในสมัยรัชกาลที่ 3 กระทั่งเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2416 ช่วงแรกที่มิชชันนารีเข้ามาในไทย เดิมทีตั้งใจจะสอนศาสนากับชาวจีนในไทย จึงเชื่อว่าเป็นเหตุให้ใช้วัดเกาะเป็นที่พำนัก หลังจากตั้งโอสถศาลากันแล้ว (โอสถศาลาที่วัดเกาะเชื่อกันว่าเป็นร้ายขายยาฝรั่งรุ่นแรกในไทยด้วย) น่าจะเริ่มแจกหนังสือสอนศาสนาให้ชาวจีน ประกอบกับรักษาโรคให้ชาวจีนอันเป็นการแสดงน้ำใจแรกเริ่ม
เมื่อจ่ายยาก็มักแนบข้อความในพระคัมภีร์พร้อมไปกับฉลากยา จำนวนผู้ป่วยที่มาให้หมอบรัดเล ตรวจรักษาต่อวันก็มีมากพอประมาณ ประชุมพงศาวดารบันทึกไว้ว่า วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2378 มีผู้ป่วยมาหาหมอบรัดเลกว่า 100 คน ซึ่งหมอบรัดเล ขอให้คนป่วยสวดมนต์และอ่านพระคัมภีร์ก่อนที่จะจ่ายยารักษาโรคด้วย
ถึงการเข้ามาตั้งถิ่นสร้างฐานในไทยจะเอื้อประโยชน์แก่ชาวบ้าน แต่กลับไม่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าขุนนางข้าราชการไทย เชื่อว่ามาจากการที่ไม่ได้ขออนุญาตกับทางราชการ อย่างไรก็ตาม พวกมิชชันนารีไม่ทันได้เดินเรื่องอย่างเป็นทางการก็เกิดเรื่องใหญ่โต
เหตุการณ์ที่ว่าคือคดีพระตีหัวฝรั่ง ปรากฏในประชุมพงศาวดาร เล่มที่ 18 (ภาคที่ 31) โดยบรรยายว่า เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2378 ชาวต่างชาตินามว่ากัปตันเวลเลอร์ ผู้ทำงานอยู่กับนายฮันเตอร์ (ในพงศาวดารบันทึกว่า "มิสเตอร์ฮันเตอร์") วันเกิดเหตุทั้งคู่เดินเข้าไปในโอสถศาลา ในระหว่างที่นายฮันเตอร์ พูดคุยกับมิชชันนารี กัปตันเวลเลอร์ นึกสนุกขึ้นมาอยากยิงนกพิราบ จึงได้เดินเข้าไปในวัดเกาะ ยิงนกเข้าให้ในทันทีโดยดูบรรยากาศอันเป็นช่วงที่พระกำลังสวดมนต์เย็น
สมบัติ พลายน้อย บรรยายว่า นกพิราบถูกยิงตาย 2 ตัว พระสงฆ์ที่ได้ยินเสียงปืนก็ออกมามุงกันที่ลานวัด กลุ่มภิกษุเทศนาตักเตือนว่า คนไทยถือกันว่านกในวัดเป็นสัตว์ของวัด การฆ่าสัตว์ในวัดยิ่งเป็นบาป แต่ไม่แน่ชัดว่า ชาวต่างชาติไม่เข้าใจภาษาหรือไม่พยายามฟังคำอธิบาย กัปตันเวลเลอร์ รายนี้ก็ไม่ยอมเลิกและยังดื้อจะยิงนกต่อ
สมบัติ พลายน้อย บรรยายในหนังสือ "เล่าเรื่องบางกอก" ว่า"พระสงฆ์ทั้งนั้นเห็นว่าจะเจรจาด้วยสันติวิธีต่อไปมิดได้แล้ว ก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ใช้อาญาวัดเอากระบองตีท้ายทอยกัปตันเวลเลอร์ถึงกับล้มสลบไป ปืนที่ใช้ยิงนกก็ถูกยึดและหายไปเสียด้วย"
ประชุมพงศาวดารบรรยายว่า "กัปตันเวลเลอร์ เกิดวิวาทขึ้นกับพระวัดเกาะถูกพระวัดเกาะตีปางตาย..."
ด้านนายฮันเตอร์ ที่อยู่ด้านนอก เมื่อรู้ว่าผู้ร่วมทางด้วยถูกกระทำจนสลบก็ฉวยปืนวิ่งเข้าวัดหวังช่วยกัปตันเวลเลอร์ ยังดีที่นายฮันเตอร์ ยังรู้สถานการณ์ ถึงจะต่อว่าพระสงฆ์ว่ารุมทำร้าย แต่ก็ยังไม่ได้ลงมืออะไร ระหว่างนั้นกัปตันเวลเลอร์คืนสติขึ้นมาพอดี นายฮันเตอร์จึงพยุงไปให้หมอบรัดเล ดูแลบาดแผล เข้าใจกันว่าอาการอาจไม่เบา เนื่องจากกัปตันเวลเลอร์สลบไปอีกหลายครั้งระหว่างที่หมอบรัดเล ทำแผลให้
เรื่องต่างชาติยิงนกไม่ได้มีแค่กรณีเดียว ในสมัยรัชกาลที่ 4 ยังมีเรื่องชาวอังกฤษยิงนกในวัดโสมนัสวิหาร จนเกิดความวุ่นวายขึ้นดังปรากฏความในพระราชหัตถเลขา รัชกาลที่ 4 รวมครั้งที่ 5
ขณะที่กรณีกัปตันเวลเลอร์ สมบัติ พลายน้อย บรรยายว่า พระรูปที่ลงมือถูกพระสังฆราชลงทัณฑ์ให้นั่งกลางแดดครึ่งวัน และยังมีทัณฑกรรมอื่นประกอบอีก จากนั้นพระสังฆราชประกาศห้ามพระสงฆ์เกะกะวุ่นวายกับพวกฝรั่งอีก
วัดเกาะแห่งนี้เองเป็นพื้นที่ซึ่งมิชชันนารีอเมริกันใช้เป็นแหล่งที่มั่นในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์เป็นจุดแรก จากการสืบค้นของสมบัติ พลายน้อย พบว่า มิชชันนารีพวกแรกที่เข้ามาในไทยครั้งแรก เข้ามาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2371 และมาพร้อมกับนายแพทย์เยอรมันจากตะวันตกคือ กุทซลาฟฟ์ (Gulzlaff) เข้ามาด้วย หลังจากนั้นก็มีมิชชันนารีฝรั่งเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง