ไฟสัญญาณแต่ละอย่างในรถ ติดตั้งมาโดยคำนึงในเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ
ไฟสัญญาณอันดับแรกที่กลายเป็นธรรมเนียมอันไม่เป็นสากล และน่าจะเกิดอันตรายก็คือ ไฟหน้าใหญ่ ผู้ขับขี่ยวดยานชอบเปิดกัน แวบๆ ให้หลายคนสงสัยว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่
ในประเทศไทยเรานั้น แปลกันเองได้ความว่า "ขอไปก่อนนะ" ธรรมเนียมนี้ก็ค่อยๆ วิวัฒนาการขึ้นไปเรื่อยๆ จนบัดนี้บนท้องถนนหลวงเข้าใจกันได้อีก ความหมายหนึ่งว่า เมื่อรถที่วิ่งสวนมาบนถนนหลวงให้สัญญาณไฟหน้ากะพริบ แวบๆ ล่ะก็ ให้เตรียมระวังว่าอย่าขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด อย่าเดินรถในช่องทางขวา อย่าแซงทางซ้าย ฯลฯ เพราะข้างหน้ามีตำรวจคอยดักจับอยู่ สัญญาณนี้เลยกลายเป็นสัญญาณประสานสามัคคีกันในหมู่ผู้ใช้รถบนถนนหลวงไปอีกความหมายหนึ่ง
ส่วนในต่างประเทศบางแห่ง เช่น ในยุโรปและประเทศอังกฤษ ไฟแวบหน้าที่เปิดกันแวบๆ นั้น สัญญาณนี้แปลได้ว่า "เชิญคุณไปได้ ผมให้ทางคุ" ดังนั้น พวกฝรั่งพวกนี้มาขับรถในเมืองไทย เห็นพี่ไทยเปิดไฟไห้แวบๆ ก็นึกว่าเหมือนบ้านตัวก็ออกพรวดไปเลย จึงเกิดอุบัติเหตุเพราะสาเหตุนี้หลายราย นี่ก็คืออันตราย อีกอย่างหนึ่งที่เป็นภาษาสากล แต่อ่านแปลให้ผิดเพี้ยนไปตามวัฒนธรรมของแต่ท้องถิ่นแต่ละประเทศ
แท้จริงแล้วไฟหน้านี้ใช้ทำอะไรและในภาษาสากลหมายความว่าอย่างไร
ไฟแวบหน้าใหญ่นั้น จริงๆ แล้วแปลว่า "ระวัง" หรือ "ผมอยู่ตรงนี้" เพื่อเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้ระมัดระวังว่ามีรถอีกคันอยู่ตรงนี้ หรืออีกนัยหนึ่งสัญญาณ นี้ใช้แทนสัญญาณแตร ในกรณีที่ใช้แตรไม่ได้ เช่น ในเวลากลางคืน กฎหมายห้ามใช้แตร หรือในสถานที่ที่มีเครื่องหมายห้ามใช้แตร เพราะจะรบกวนบุคคลอื่น เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานที่ราชการ หรือกรณีที่เป็นกลางวัน จะใช้เตือนรถที่หันหน้าเข้าหา ใช้ไฟแวบเตือนให้ระวังจะดีกว่าเสียงแตร
เพราะแสงนั้นเดินทางได้เร็วกว่าเสียงหลายเท่าตัวนัก
( ข้อมูล คอลัมน์ คาร์ทิป มติชนรายวัน 2 กุมภาพันธ์ 2556)