นานนับศตวรรษแล้วที่นักพัฒนารถยนต์ตีโจทย์การผลิตยานยนต์ที่ใช้อากาศเป็นพลังขับเคลื่อนไม่แตกสักที
แม้จะมีการผลิตออกมาเป็นรถต้นแบบ แต่ก็ไม่สามารถผลิตออกมาได้เป็นรถยนต์ตัวเป็นๆออกจำหน่ายให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกันจริง แต่ในสถานการณ์เช่นปัจจุบันที่อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องดิ้นรนหาทางออกสำหรับโจทย์สำคัญที่กำลังรอคอยอยู่นั่นคือ ปิโตรเลียมใต้ดินนั้นกำลังจะหมดไปจากโลกภายน 50 ปีข้างหน้านี้ กลับเป็นแรงขับเคลื่อนการพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ๆ ให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยอากาศด้วยเช่นกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทรถยนต์แดนน้ำหอม "พีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตรอง" ได้ประกาศผลสำเร็จในการตีโจทย์ในการใช้อากาศขับเคลื่อนรถยนต์ ด้วยการออกแบบระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ผสมระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้ากับลูกสูบไฮโดรลิกที่ใช้อากาศขับ
พีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตรอง จัดทำโครงการการสร้างรถยนต์ลูกผสมอากาศ-เครื่องยนต์นี้ตั้งแต่ปี 2553 ในชื่อ "ไฮบริด แอร์ โปรแกรม"
โดยศึกษาวิธีการเชื่อมโยงเครื่องยนต์สันดาปภายในของรถยนต์ขนาดเล็กเข้ากับระบบไฮโดรลิกแบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องบินโดยสาร ซึ่งวิศวกรของพีเอสเอระบุว่า ที่บริษัทต้องเดินหน้าโครงการนี้ ก็เพื่อลบคำสบประมาทของผู้อื่นที่ไม่เชื่อมั่นว่าพีเอสเอจะสามารถผลิตรถขับเคลื่อนด้วยอากาศออกมาได้จริง
ในที่สุดวิศวกรของพีเอสเอสามารถรวมเอาระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้ากับลูกสูบไฮโดรลิกเข้ากันได้
โดยนำเอาถังแก๊สไนโตรเจนแรงดันสูงมามีส่วนร่วมในการผลักดันรถยนต์ให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ลูกสูบที่ว่านี้จะใช้แรงดันจากก๊าซไนโตรเจนผลักลูกสูบไปข้างหน้าและจะส่งกำลังจากลูกสูบไปขับเคลื่อนล้อในจังหวะที่ลูกสูบถอยกลับมายังตำแหน่งแรก และจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าคอยอัดไนโตรเจนกลับเข้าไปในถังแรงดันสูงเพื่อนำออกมาใช้เป็นวงจรการขับเคลื่อนเช่นนี้ต่อไป
ข่าวดีอีกประการคือพีเอสเอยืนยันว่าต้นทุนการผลิตรถประเภทนี้ต่ำกว่ารถที่ใช้พลังงานผสมระหว่างไฟฟ้า-เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งยังมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเพราะไม่ต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ลูกโตๆ ที่ใช้เป็นแหล่งพลังงานของรถไฮบริดไฟฟ้า และมีพื้นที่เก็บของท้ายรถมากกว่ากันอีกด้วย
พีเอสเอตั้งใจว่าจะนำรถยนต์ไฮบริดเครื่องยนต์-พลังอากาศออกจำหน่ายเป็น "ออปชั่น" ให้กับรถยนต์ขนาดเล็กของบริษัทในตลาดยุโรปภายในปี 2559 อีกด้วย ... ข่าวดีของสิ่งแวดล้อมจริงๆ