หลายคนคงไม่เชื่อว่า "คณิตศาสตร์" จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการไขความลับที่ซ่อนอยู่ในเงื่อนปมต่างๆ ได้มากมายหลายชนิด ตั้งแต่การกำเนิดจักรวาล จนกระทั่งการผูกเนกไท ที่ฝรั่งตาน้ำข้าวถือเป็นเครื่องแต่งกายมาตรฐานประจำสำหรับการไปทำงาน ออกเดท แม้กระทั่งไปเที่ยว ก็จะต้องมีผ้าเส้นยาวๆ มาพันคอให้เป็นปมเป็นสายไว้ปิดหน้าท้องอยู่เสมอ และก็สวมแจ็กเก็ต (ที่คนไทยติดปากกันว่า "สูท") ออกไปนอกบ้านกันจนเป็นเรื่องปกติสำหรับคนในบ้านเขา
เรื่องการผูกเนกไทกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่นักวิชาการด้านคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสตอกโฮล์ม ร่วมกันทำวิจัยโดยใช้โมเดลคณิตศาสตร์มาใช้พิสูจน์ข้อสงสัยของพวกตน และทำผลการวิจัยออกมาเป็นเอกสารเป็นหลักเป็นฐาน
กลุ่มนักคณิตศาสตร์กลุ่มนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเนกไทของบทตัวร้ายในภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ แมทริกซ์ รีโหลด" ที่ใช้การผูกเงื่อนเนกไทแบบ "เมโรวินเยียน" (Merovingian) ที่ทำให้มีปมผ้าสองฝั่งชนกัน ซึ่งแตกต่างจากปมเนกไทแบบ "วินด์เซอร์" (Windsor) หรือ "ฮาล์ฟ วินด์เซอร์" (Half Windsor) ที่หนุ่มๆ ทั่วโลกคุ้นเคยกันและใช้เป็นประจำในชีวิต จึงคิดโมเดลคณิตศาสตร์เพื่อใช้ไขปัญหาข้องใจในการผูกเนกไทเป็นปมต่างๆ แล้วในที่สุด พวกเขาก็พบว่า ปมการผูกเนกไทที่ใช้ผ้าเส้นยาวๆ มาพันกันนั้นสามารถผูกปมเงื่อนได้มากถึง 177,147 วิธีกันเลยทีเดียว
อันที่จริงเนกไทถือกำเนิดขึ้นมาจากผ้าพันคอของทหารโรมันที่ใช้พันคอชุบน้ำที่เอาไว้ระบายความร้อน ซึ่งแม้จะไม่ได้ผลในการระบายความร้อนมากนัก แต่ก็ก่อให้เกิดแฟชั่นใหม่ที่ทำให้ผู้ชายให้ความสำคัญกับการเอาผ้ามาพันคอเพื่อเสริมบุคลิกตนเองให้ดูดีมากขึ้น
หลังจากนั้นแฟชั่นผ้าพันคอของผู้ชายก็ระบาดเข้าไปในฝรั่งเศสในยุคหลังโรมัน ผ่านทางทหารรับจ้างชาวโครแอตที่ใช้ผ้าพันคอเพื่อบ่งบอกหมู่ เหล่า และชาวฝรั่งเศสนี้เองเป็นผู้ประยุกต์นำผ้าพันคอที่มีต้นกำเนิดจากทหารโรมันมาทำเป็นส่วนประกอบของชุดเสื้อผ้าแฟชั่นของตนเอง
กระแสแฟชั่นผูกเนกไทก็ได้แพร่ข้ามช่องแคบอังกฤษไปยังดินแดนสหราชอาณาจักรในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ที่ทรงเป็นผู้นำแฟชั่นการผูกเนกไทให้ราษฎรทำตาม ก่อนที่จะมีพัฒนาการต่อมาเรื่อยๆ จนทำให้เนกไทเป็นสิ่งจำเป็นที่หนุ่มๆ ที่ต้องการให้ตัวเองดูดีต้องผูกก่อนออกไปจากบ้าน
แต่ในเชิงจิตวิทยาแล้วมีผู้รู้กล่าวไว้ว่าการผูกเนกไท เป็นการเสริมความมั่นใจในการออกรบของหนุ่มๆ ในสมรภูมิที่เปลี่ยนไปจากการถือดาบและโล่ในยุคโรมัน มาเป็นการเจรจาต่อรองบนโต๊ะประชุมและใช้ปากกาเป็นอาวุธเข้าประหัตประหารกัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว หนุ่มๆ ทั้งสองยุค ก็ต้องการกำลังใจในการออกรบเหมือนกัน
แล้ววันนี้คุณผูกเนกไทออกจากบ้านหรือยัง?