หากพูดถึง เค้ก ขนมปัง คุ้กกี้ จัดเป็นอาหารในยุคนี้ ที่ใคร ๆ ก็ทานกันเป็นของหวานหลังอาหาร ร้านดัง ๆ ส่วนใหญ่ก็ต้องมีเมนูเหล่านี้รองรับลูกค้า หรือบางคนอาจเลือกทานเป็นอาหารหลักเลยก็มี แต่ทราบหรือไม่ว่า อาหารกลุ่มนี้มีการใช้ เนยเทียม หรือ มาการีนเป็นส่วนประกอบ เพื่อลดต้นทุนการผลิตจากการใช้เนยแท้ ๆ ซึ่งมีราคาสูง และเจ้ามาการีน หรือเนยเทียมนี้แหละ จัดเป็น ไขมันทรานส์ ที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของเรา มาดูกันว่า เจ้าไขมันทรานส์นั้น อันตรายอย่างไร
ไขมันทรานส์ เป็นกรดไขมันที่เกิดจากกระบวนการแปรรูปกรดไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสูง โดยการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันพืช เรียกว่า กระบวนการไฮโดรจีเนชั่น (Hydrogenation) เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง ทำให้มีลักษณะเป็นกึ่งของแข็ง เช่น มาการีนหรือเนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม เป็นต้น โดยจะมีชื่อบนฉลากอาหารคือ กรดไขมันชนิดทรานส์ หรือ Hydrogenated Oil หรือ Partially Hydrogenated Oil
เหตุที่มีการนำไขมันไปเปลี่ยนเป็นไขมันทรานส์ ก็เนื่องจากไขมันทรานส์คือไขมันที่เกิดจากการแปรรูป จึงสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่เหม็นหืน ไม่เป็นไข และสามารถทนความร้อนได้สูง รวมถึงมีรสชาดที่ใกล้เคียงกับไขมันที่มาจากสัตว์ แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า บรรดาผู้ประกอบกิจการอาหารต่าง ๆ มักนิยมนำไขมันทรานส์มาใช้ประกอบอาหารมากมาย เช่น การนำมาใช้ในการประกอบกิจการเบเกอรี่ เค้ก ขนมปัง คุ้กกี้ ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียม และวิปปิ้งครีม หรือกลุ่มอาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งใช้เป็นน้ำมันสำหรับทอดไก่ มันฝรั่ง โดนัท แม้แต่กระทั่ง โรตี เป็นต้น ด้วยลักษณะของไขมันทรานส์ที่ไม่เหม็นหืน ไม่เป็นไข ทนความร้อนได้สูง และราคาถูกนี้เอง ผู้ประกอบการจึงได้ใช้ไขมันทรานส์กันอย่างแพร่หลาย เพื่อประโยชน์ในการลดต้นทุนการผลิตลง
มาดูกันต่อว่า การทานอาหารที่มีไขมันทรานส์มาก ๆ จะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ถ้าเราบริโภคอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์มาก ๆ จะเป็นส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์ Cholesterol Acyltranferase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการเมตาบอลิซึมของคอเลสเตอรอล ทำให้ระดับ LDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดเลวในเลือดเพิ่มขึ้น และลดระดับ HDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด และเนื่องจากไขมันทรานส์เป็นไขมันที่เกิดจากการแปรรูป ซึ่งย่อยสลายได้ยากกว่าไขมันชนิดอื่น ทำให้ตับต้องสลายไขมันทรานส์ด้วยวิธีการที่แตกต่างไปจากการย่อยสลายไขมันตัวอื่น จึงอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ผิดปกติกับร่างกาย คือ จะทำให้ร่างกายมีน้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น, มีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ, มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Heart Disease) โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด จากหลาย ๆ งานวิจัยที่ศึกษาถึงเรื่องไขมันทรานส์
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว จะพูดว่าไขมันทรานส์ ได้กลายเป็นศัตรูตัวร้ายอันดับต้น ๆ ของคนรักสุขภาพทั่วโลกกันเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ต่างออกข้อบังคับเกี่ยวกับการระบุปริมาณไขมันทรานส์บนฉลากโภชนาการ และให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการจำกัดการบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์ นอกจากนี้ บางรัฐในสหรัฐอเมริกา เช่น นิวยอร์กได้ออกมาประกาศว่าจะเป็นรัฐแรกในสหรัฐอเมริกาที่ปลอดไขมันทรานส์ โดยออกมาตรการให้บรรดาร้านอาหาร ภัตตาคาร และผู้ประกอบการด้านอาหารทั้งหลาย ค่อย ๆ ลดการใช้ไขมันชนิดนี้ในการปรุงอาหาร และหยุดใช้โดยเด็ดขาดทั่วทั้งนิวยอร์กภายในเดือน กรกฏาคม พ.ศ. 2551 แต่น่าเสียใจสำหรับคนไทย ที่ในประเทศไทยเรายังไม่มีมาตรการทางกฎหมายใด ๆ มาควบคุมการใช้หรือบังคับการระบุปริมาณไขมันทรานส์บนฉลากโภชนาการ ในฐานะผู้บริโภคที่ใส่ใจและรักสุขภาพ เราจึงควรดูแลตัวเองด้วยการระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงที่มีปริมาณไขมันทรานส์เยอะ เช่น อาหารประเภทเบเกอรี่ เค้ก ขนมปัง คุ้กกี้ พาย พัฟ ครีมเทียม ไปจนถึงอาหารประเภทของทอด (ไก่ทอด, เฟรนซ์ฟรายส์, นักเก็ต) ซึ่งใช้น้ำมันทอดซ้ำ ๆ จนหนืด แฮมเบอเกอร์ หรือพวกขนมขบเคี้ยวที่เก็บไว้นาน ๆ ก็ยังกรุบกรอบ
ทราบอย่างนี้แล้วก็ ปรับรูปแบบการทานกันใหม่นะคะ ใครที่ชอบ ๆ รับประทาน เค้ก ขนมปัง คุ้กกี้ พาย พัฟ ไปจนถึงอาหารประเภททอด ไก่ทอด เฟรนส์ฟราย นักเก็ต โรตี และอาหารที่มีส่วนผสมของมารารีน ก็ควรจะค่อย ๆ ปรับและลดปริมาณการทานลง ใส่ใจกับการเลือกรับประทานกันดีกว่านะคะ เพื่อสุขภาพของเราเอง และคนที่เรารัก อย่าลืมประโยคสำคัญที่ว่า You are what you eat กันล่ะ
โดย “PrincessFangy”
Twitter @Princessfangy
ข้อมูลบางส่วนจาก thaihealth.or.th/healthcontent/article/4946