พยานผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า นายเชตติโน กระโดดลงเรือชูชีพ ทั้งที่ผู้โดยสารนับร้อยยังคงอยู่ในเรือ โดยกัปตันให้การว่า ตัดสินใจลงเรือ เพราะเห็นว่าเรือเอียงมาก เป็นเหตุให้นายเชตติโนถูกดำเนินคดีในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ก่อหายนะทางเรือ และละทิ้งเรือ ซึ่งนายเชตติโนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
กรณีกัปตันเรือเซวอลและ เรือคอสตาคอนคอร์เดีย ทำให้เกิดข้อสงสัยในความรับผิดชอบ ซึ่งกัปตันควรมีต่อผู้โดยสาร ในกรณีเรืออยู่ระหว่างคับขันนั้น เป็นอย่างไร
ในข้อนี้กัปตันเจมส์ สแตปเปิลส์ ที่ปรึกษาด้านการเดินเรือกล่าวว่า หน้าที่แรกของกัปตัน คือ ต้องดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคนบนเรือ รวมทั้งดูแลสินค้าในเรือ ดังนั้นกัปตันจะต้องอยู่บนเรือ จนกระทั่งแน่ใจว่าผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนปลอดภัย การที่กัปตันละทิ้งเรือไปก่อนผู้อื่นน่าละอายอย่างยิ่ง ทั้งที่ควรจะอยู่เป็นคนสุดท้าย
ต่อข้อสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหน ที่กัปตันจะต้องยอมตายไปพร้อมกับเรือ นายเคด คอร์ทลีย์ อดีตทหารหน่วยซีลให้ความเห็นว่า ตามอนุสัญญาทางทะเลระหว่างประเทศ กัปตันมีหน้าที่รับผิดชอบเรือและทุกชีวิตบนเรือให้ปลอดภัย แต่ไม่ได้หมายความว่ากัปตันจะต้องตายไปกับเรือทุกครั้งที่เรือเกิดอุบัตเหตุจมลง เพราะหากแน่ใจว่าได้อยู่เป็นคนสุดท้าย และดูแลทุกชีวิตให้ปลอดภัยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตายไปพร้อมกับเรือที่จม แต่การกระทำของนายลี กัปตันเรือเซวอลที่เอาตัวรอดก่อนคนอื่นนั้น เป็นการกระทำที่ไม่สามารถให้อภัยได้
ในแง่กฎหมายทั้งประเทศเกาหลีใต้และอิตาลี การละทิ้งเรือถือเป็นอาชญากรรมทางทะเล ทั้งนายลี และนายเชตติโน ถูกดำเนินคดีในข้อหาใกล้เคียงกัน ข้อหาหลักคือ ละทิ้งเรือ ประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายผู้อื่น และไม่แสวงหาความช่วยเหลือจากเรือลำอื่น