‘ร้อน’ บรรเทาง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย
ร้อน ร้อน ร้อน เจอะเจอหน้าใครในยามนี้จะได้ยินได้ฟังวลีนี้ติดปาก ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ หรือหนุ่มล่ำหนุ่มเพรียว
และเมื่อถามถึงหนทางการคลายร้อนล่ะก็ เชื่อว่าแต่ละคนก็จะมีทางออกของตัวเอง รวมทั้งการไปเดินเตร็ดเตร่รับไอเย็นตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งถือว่าถูกสตางค์ในกระเป๋ามากกว่าที่จะบินหนีไปต่างประเทศรับโอโซน อากาศต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส แน่นอน
อย่ากระนั้นเลย!!! เมื่อเกิดในเมืองร้อนเราก็ควรเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างร้อนๆ ให้เย็นอกเย็นใจ ไม่กลายเป็นหนี้หัวโตนะคะ ซึ่งขอเสนอว่าการเพิ่มอุณหภูมิความเย็นให้กับตัวเราแบบสบายกระเป๋านั้นมีอยู่ เพียงแต่เราต้องรู้จักและเรียนรู้ที่จะมองรอบตัว นั่นคือ ใช้พืชผักสมุนไพรไทยให้เป็นประโยชน์นั่นเอง
โดยเฉพาะพืชผักพื้นบ้านที่หลายคนรู้จัก แต่ไม่รู้วิธีรับประทาน อย่าง ฟักแฟง, มะระขี้นก, แตงกวาและว่านกาบหอย รู้ไหมว่ามีคุณสมบัติในการลดร้อน และช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายหากต้องสัมผัสแดดจ้า เพื่อป้องกันโรคสุดฮอตที่แพทย์ออกโรงเตือนในช่วงนี้อย่าง "โรคลมแดด" หรืออาการที่ร่างกายไม่สามารถขับความร้อน ออกจากร่างกายได้อย่างเฉียบพลัน จึงส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืดและเป็นลม งานนี้จึงไปตกอยู่ที่ "พระเอก" อย่างสมุนไพรและผักพื้นบ้านที่กล่าวมา
ที่ผ่านมา การดื่มน้ำสมุนไพรคลายร้อนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีของคนรัก สุขภาพ แน่นอนว่าหนีไม่พ้นน้ำจับเลี้ยง น้ำเก๊กฮวย น้ำหล่อฮั่งก้วย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพของชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากในบ้านเรา แต่ทว่ายุคนี้เป็นยุคของการ "แบ็กทูเบสิก" ดังนั้นการประยุกต์ใช้แพทย์แผนตะวันออก อย่างการหยิบยกพืชผักสมุนไพรไทยมาปรุงเป็นอาหารการกิน ก็เพื่อบอกเล่าเก้าสิบให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมาก กอปรกับยาแผนปัจจุบันในท้องตลาดที่ช่วยคลายร้อนนั้นค่อนข้างหายาก และเพื่อให้ตรงคอนเซ็ปต์ของสมุนไพรไทย อย่างการ "ปลูกเองใช้เอง" ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการจากวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จึงได้ออกมาแนะวิธี "ดับร้อน" ด้วยพืชผักพื้นบ้าน...รีบไปอัพเดตกันเลยดีกว่า
เริ่มจาก "ฟักแฟง" หรือฟักเขียว ซึ่ง พี่สอง อธิบายว่า "โดยทั่วไปฟักแฟงเป็นผักสวนครัวที่เรารู้จักกันดีในการนำไปทำต้มจืด ซึ่งในฟักแฟงนั้นมีสรรพคุณที่เด่นคือ มีฤทธิ์เย็น ช่วยขับความร้อนให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องดื่มเย็นๆ เสมอไป ซึ่งถ้าใครไม่อยากรับประทานเป็นอาหารคาว สามารถน้ำฟักแฟงมาทำเป็นน้ำปั่นดื่มได้ค่ะ โดยเลือกฟักแฟงลูกขนาดรับประทาน นำมาฝานและนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุก จากนั้นนำมาปั่นผสมกับน้ำแข็งเพียงเล็กน้อยแล้วดื่ม (ทฤษฎีการแพทย์ตะวันออก เชื่อกันว่าการบริโภคน้ำแข็งในช่วงอากาศร้อนปริมาณมาก จะทำให้ร่างกายเกิดการหดตัว โดยเฉพาะบริเวณทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดอาการหนาวๆ ร้อนๆ และเป็นไข้หวัดในที่สุด) ก็ช่วยคลายร้อนได้ดีค่ะ แต่ถ้าหากใครที่อยากเพิ่มความหวานก็สามารถใส่น้ำตาลได้เพียงเล็กน้อย"
ถัดมาเป็น "ว่านกาบหอย" ที่เภสัชกรชำนาญการบอกว่าเป็นทั้งสมุนไพรที่ปลูกเป็นไม้ประดับ และน้ำสมุนไพรแก้กระหายในคราวเดียว "หลายคนรู้จักว่านกาบหอยว่าเป็นสมุนไพร และใช้เป็นส่วนผสมในยาแผนโบราณ แต่ทว่ายังไม่เคยมีใครนำมาบริโภคเป็นอาหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วว่านกาบหอยจัดเป็นสมุนไพรรสเย็นชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำมาทำเป็นน้ำว่านกาบหอยดื่มแก้กระหายคลายร้อนได้ เพียงนำใบว่านกาบหอยสดประมาณ 20 ใบมากับต้มน้ำประมาณ 2 แก้ว พอเดือดยกลง ซึ่งผู้บริโภคสามารถเติมน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติได้ แต่ถ้าผู้บริโภคอยากได้น้ำว่านกาบหอยที่มีสีสันสดใส สามารถบีบน้ำมะนาวลงไปก็จะได้สีม่วงสด และที่สำคัญไม่เสียคุณค่าสารอาหารด้วย"
ตามมาติดๆ ด้วย "ใบบัวบก" สมุนไพรแก้ร้อนในฤทธิ์เย็นอีกชนิดหนึ่ง ที่งานนี้ ภญ.ผกากรอง บอกว่า "ใบบัวบกไม่เพียงแก้ปัญหาอาการร้อนใน แต่ยังป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย เพราะมีสารประกอบที่สำคัญหลายอย่าง เช่น ไตรเตอพีนอยด์ (อะซิเอติโคซัยด์) กรดมาดิแคสซิค ไธอะมิน ฯลฯ ซึ่งมีคุณสมบัติในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็ว มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อราและลดอาการอักเสบ เพราะเมื่อใดที่ร่างกายเกิดความไม่สมดุล พูดง่ายๆ ร่างกายมีความร้อนสะสมในทางการแพทย์ตะวันออกพบว่า เป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งร้าย เพราะการที่ร่างกายจะเกิดสมดุลได้ต้องมีทั้งความร้อนและความเย็นเท่าๆ กัน ซึ่งอาการแผลร้อนในถือเป็นอาการที่พบได้สุดท้ายอันเนื่องมาจากการร่างกายเกิดความร้อน ดังนั้นการเลือกใบบัวบกที่มีขนาดเล็ก (ใบบัวใบเล็กจะมีสรรพคุณทางยามากกว่าใบใหญ่) จากนั้นนำมาปั่นให้ละเอียด เติมน้ำต้มสุกลงไปแล้วกรองเอาแต่น้ำ และปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำตาลเพื่อดื่มแก้กระหาย ก็สามารถช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เย็น ขึ้น ช่วยป้องกันอาการร้อนในได้เช่นเดียวกัน"
ดับร้อนภายในร่างกายไปแล้ว ถึงเวลาบรรเทาอาการแสบไหม้บริเวณผิวหนังจากโรคลมแดด และอุณหภูมิที่จะกำลังจะร้อนระอุเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ ด้วยสมุนไพรในกลุ่มฤทธิ์เย็น อาทิ ว่านหางจระเข้ แตงกวา ใบบัวบก ใบมะระขี้นก ใบตำลึง ที่ผู้บริโภคสามารถทำใช้ได้เอง งานนี้ พี่สอง หยิบยกสูตรพอกผิวพอกหน้าจาก "ว่านหางจระเข้" มานำเสนอกัน
"เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสารสำคัญที่ช่วยดูดซับความร้อน และสารช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นหลังจากถูกแดดเลีย อาทิ สารไกลโคโปรตีน เพียงนำว่านหางจระเข้ที่มีขนาดใหญ่มาฝานเอาเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้น จากนั้นนำไปล้างให้สะอาด แล้วหั่นวุ้นให้เป็นลูกเต๋าเล็กๆ จากนั้นนำไปพอกหน้าหรือบริเวณผิวแสบไหม้ ทิ้งไว้อย่างน้อย 15-30 นาที หรือรอจนกว่าจะรู้สึกว่าความร้อนเริ่มมาแทนที่ความเย็นจากว่านหางจระเข้ ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะช่วยลดอาการแสบร้อนจากการถูกแดดเผา และเพิ่มความสดใสเต่งตึงให้กับใบหน้า และการทำทุกวันได้จะดีที่สุด"
ส่วนสมุนไพรที่เหลือสามารถนำมาบดให้ละเอียด และใช้วิธีการเดียวกับว่านหางจระเข้ ภญ.ผกากรอง กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบอินเทอร์เน็ต