จาก www.painaidii.com
7 ที่เที่ยวธรรมชาติน้องใหม่เมืองไทย ที่คุณอาจไม่เคยเห็น!
ขอบคุณเนื้อหาดีๆ และภาพประกอบ
จาก www.painaidii.com
จาก www.painaidii.com
เกาะที่กำลังฮอตสุดๆ ในโลก Social Media จนถูกแชร์ภาพกันอย่างแพร่หลาย สำหรับเกาะตาชัย แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยือนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ เสน่ห์ที่ทำให้หลายคนหลงรัก คือธรรมชาติที่ยังเปี่ยมความบริสุทธิ์เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ และยังไม่มีรีสอร์ทบ้านพักมาตั้งรบกวน
ดังนั้นความงดงามต่างๆ จึงยังมีให้สัมผัส ทั้งหาดทรายขาวสะอาดเนียนละเอียดราวกับครีมเทียม กิจกรรมดำน้ำตื้นชมโลกใต้น้ำ เริงร่าในผืนน้ำใสแจ๋วสีเขียวผสมสีฟ้าจางๆ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก คือพระเอกประจำเกาะอย่าง “ปูไก่” ซึ่งจะซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้ แต่ถ้าโชคดีก็อาจเจอเดินโชว์ตัวบนหาดทราย ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพที่ระลึก
2. ภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เลย
ถ้าเคยคิดว่าแหล่งดู ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยเจ๋งที่สุด ต้องไปชมที่จังหวัดเชียงใหม่ คุณอาจคิดผิด! เพราะตอนนี้ “ภูลมโล” ที่เที่ยวน้องใหม่มาแรง ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดเลย ปาดหน้าคว้าตำแหน่งแชมป์ แหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไปครอง! ด้วยจำนวนหลายหมื่นต้น บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่
โดยทุกปีในช่วงกลางฤดูหนาว (ประมาณกลางเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์) ต้นนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลจะพร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบาน ท่ามกลางกลางอากาศหนาวเย็นสุดโรแมนติก ส่วนบริเวณที่ต้นพญาเสือโคร่งออกดอกชมพูสะพรั่งมากที่สุดคือ “ภูขี้เถ้า” เป็นพื้นที่ต่อเนื่องเทือกเขาเดียวกับภูลมโล มีให้ยลโฉมมากถึง 3-4 แปลง สำหรับใครที่อยากจะเดินทางมาชม ก็ต้องเช็ควัน-เวลากับเจ้าหน้าที่ให้ดี เพราะดอกพญาเสือโคร่งจะบานสวยเต็มที่เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น
3. เขากาโรส จ. กระบี่
ชวนคุณมาไขปริศนาแห่ง หุบผาปีศาจ ที่ดูจากชื่ออาจน่ากลัว แต่อย่าเพิ่งตระหนกไป เพราะแท้จริงคือสมญาของ ”เขากาโรส” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ประจำจังหวัดกระบี่ เริ่มต้นทริปกันด้วยการนั่งเรือหัวโทง (เรือหางยาว) ล่องจากคลองบ้านควนโอสู่ท้องทะเล ก่อนจะมาสัมผัสความอัศจรรย์ทางธรรมชาติ ของผาหินปูนเว้าแหว่งที่ดูคล้ายรูปปีศาจขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนของกระแสลม สายฝน และสายน้ำเป็นเวลานาน
โดยแต่ละช่วงเวลาของวัน ใบหน้าปีศาจจะเปลี่ยนแปลงไปดูคล้ายมีชีวิต เช่นในตอนเช้าใบหน้าของปีศาจจะมีสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อย แต่จะกลับมาปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง เมื่อแสงแดดยามบ่ายสาดส่องมากระทบ และบริเวณใกล้กันยังพบรูปผีตาโขน และรูปแม่มดบนก้อนหินสีขาวขนาดใหญ่ ที่กำลังจ้องมองแขกผู้มาเยือนอีกด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะในการมาเที่ยวคือ ปลายเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม เพราะเป็นฤดูกาลดีที่สุด ที่สามารถเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งวัน
4. น้ำตกหลังสอง จ. อุบลราชธานี
ขณะที่หลายคนกำลังตื่นเต้น กับภาพพระอาทิตย์ทะยานสู่ท้องฟ้าที่ผาชนะได จังหวัดอุบลราชธานี กลับกันหากลองเดินทางไปยังเส้นที่เชื่อมถึงป่าดงนาทาม (อยู่ในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม) คุณจะได้สัมผัสกับสถานที่สุด Unseen แห่งใหม่ นั่นคือขุนเขาภูหลังสอง
ไฮไลต์สำคัญเมื่อก้าวผ่านไปหยุดบนยอดภู จะพบกับ “น้ำตกหลังสอง” ธารน้ำตกใสเย็น ซึ่งเกิดจากน้ำซับและธารเล็กๆ บนภูหลังสองไหลมารวมกัน พร้อมเติมความสดชื่นกับโบก (แอ่งน้ำ) น้อยใหญ่ ที่รอให้คุณทอดกายลงไปนอนแช่ราวกับสระน้ำจากธรรมชาติ แวดล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่นของดอกไม้ และทุ่งหญ้าจากธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังมีจุดชมทัศนียภาพอันสวยงาม สำหรับฤดูที่เหมาะจะมาท่องเที่ยว ต้องเป็นหน้าฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงประมาณเดือนมกราคมของปีต่อไป
5. ภูตาจอ จ. พังงา
ภาพบรรยากาศยามเช้าสุดงดงามนึกถึงอะไร? แน่นอนว่าทะเลหมอกเมืองล้านนา น่าจะติดอยู่ในลิสต์ของใครหลายคน และหากคุณกำลังคิดว่าภาพข้างบนเป็นดอยในภาคเหนือ ขอบอกอีกครั้งว่าเดาผิดถนัด? เฉลยให้ทราบว่าภาพทิวทัศน์งดงามที่คุณเห็นเป็นเสน่ห์ของเมืองปักษ์ใต้! ณ ภูตาจอ ที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดพังงา และสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนห้ามพลาด คือการมาชมทะเลหมอกสีขาวนวล ล่องลอยหยอกล้อกับท้องฟ้าท่ามกลางภูเขาสูง จนแทบไม่เชื่อสายตาว่า ผืนป่าทางภาคใต้ จะพบทะเลหมอกที่สวยงามได้ขนาดนี้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามเช้า จะมีสายหมอกไหลคลอเคลียไปตามยอดเขาและแผ่คลุมผืนป่าอย่างหนาตา แม้ว่าแสงแดดจะสาดส่องแรงแค่ไหน แต่กลุ่มทะเลหมอกก็ยังคงพร้อมใจแสดงความตระการตาอยู่เป็นเวลานาน นับเป็นทัศนียภาพอันน่าประทับใจ ที่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง! โดยทะเลหมอกจะมีให้ชมตลอดทั้งปี แต่ในฤดูฝนจะหนาตามากที่สุด
6. วังบัวแดง จ.หนองคาย
จากรูปทุ่งบัวแดงสวยๆ ของกลุ่มช่างภาพ ที่นำไปโพสลง Facebook ก่อนจะถูกแชร์ต่อกันมากมาย จนวังบัวแดงหรือวังบัวชมพู จังหวัดหนองคาย เริ่มเป็นที่รู้จักและมีคนแวะเข้ามาเยี่ยมชมกันมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งกลายเป็นที่เที่ยวน้องใหม่มาแรงแห่งเมืองพญานาคอย่างรวดเร็ว
จุดเด่นที่สร้างความประทับใจ คือภาพบึงน้ำกว้างใหญ่ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีเขียวสลับแดงชมพูบานสะพรั่งของดอกบัว เต็มทั่วหนองน้ำธรรมชาติกว่า2พันไร่ มองดูคล้ายมีผืนพรมสีแดงอมชมพูปูอยู่ทั่วผืนน้ำ สำหรับใครที่ชื่นชอบดอกไม้หรือรักการถ่ายภาพธรรมชาติ เมื่อมาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
ซึ่งการมาเที่ยวชมต้องนั่งเรือพายของชาวบ้าน เพื่อสัมผัสธรรมชาติอย่างสงบ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์คอยรบกวน โดยสามารถต่อเรือได้ที่บริเวณวังบัวแดง สนนราคาค่าเรือลำละ 100 บาท นั่งได้ไม่เกิน 3 คน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมดอกบัว อยู่ระหว่างเวลา 06.00-12.00 น. โดยดอกบัวจะบานสะพรั่งให้ชมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม เท่านั้น
7. ภูป่าเปาะ จ.เลย
แหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดของจังหวัดเลย ที่สร้างความฮือฮาได้อย่างมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา ว่า มีทัศนียภาพราวกับต่างประเทศ โดยนักท่องเที่ยวต่างรู้จักกันในนามฟูจิเมืองเลย หรือจุดชมวิวภูป่าเปาะ ตั้งอยู่ห่างจากสวนหินผางามหรือคุนหมิงเมืองไทยเพียง 7 กิโลเมตร
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถมองเห็นภูหอ ที่มีลักษณะเป็นภูเขาสูงฐานกว้าง มีพื้นที่ด้านล่างราบโล่ง ปลายยอดเขาเป็นหัวตัดเหมือนปล่องภูเขาไฟ และมีกลุ่มเมฆหมอกปกคลุมจางๆ เมื่อมองแล้วจึงดูคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีจุดชมทิวทัศน์ที่สามารถดูวิวของภูหอในมุมกว้าง และดื่มด่ำวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม โดยสามารถมาเที่ยวชมได้ทุกเวลา แต่ช่วงที่แนะนำคือฤดูหนาว เพราะจะได้ชมทิวทัศน์สมบูรณ์แบบที่สุด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!