ความแพร่หลายของเกมทำให้เกิดปมประวัติศาสตร์ของเกมขึ้น โดยในปี ค.ศ. 1933 (พ.ศ. 2476) ชาร์ลส บี.ดาร์โรว (Charles B. Darrow) ได้ทำเกมเศรษฐีไว้เล่นเองในบ้าน ซึ่งเนื้อหาของเกมมีทั้งการซื้อ การขาย การเช่าอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ไม่นานนักเพื่อน ๆ ก็ขอลอกแบบเกมเพื่อนำกลับไปเล่นที่บ้านตัวเอง ทำให้ชาร์ลสเริ่มผลิตเกมนี้ออกจำหน่ายในราคาชุดละ 4 เหรียญ โดยนำไปฝากขายที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองฟิลาเดลเฟีย และด้วยความสนุกของเกมทำให้ยอดการสั่งซื้อเกมเพิ่มมากขึ้น จนชาร์ลสนำเกมนี้เสนอขายกับบริษัทพาร์คเกอร์ บราเธอร์ (Parker Brother) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตของเล่น
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นทางบริษัทได้ปฏิเสธเกมของชาร์ลสโดยบอกว่าเกมของเขามีจุดบกพร่องถึง 52 จุด เช่น เกมใช้เวลาเล่นนานเกินไป กติกาซับซ้อนเกินไป เป้าหมายการเป็นผู้ชนะไม่ชัดเจน ชาร์ลสจึงกลับมาจ้างเพื่อนเขาผลิตเกมออกมาจำหน่ายเองจำนวน 5,000 ชุด ซึ่งความสนุกของเกมได้รับการบอกเล่ากันปากต่อปาก จากเพื่อนลูกสาวผู้ก่อตั้งบริษัทพาร์คเกอร์ เรื่อยมาจนถึงหูภรรยาของ โรเบิร์ต บี.เอ็ม.บาร์ตัน (Robert B.M.Barton) ประธานบริษัทพาร์คเกอร์ ทำให้ประธานต้องซื้อเกมนี้มาทดลองเล่นด้วยตัวเอง
หลังจากที่ค้นพบความสนุกของเกมโมโนโพลีเกม โรเบิร์ต บาร์ตัน จึงเปิดการเจรจาธุรกิจกับชาร์ลสอีกครั้งโดยเสนอขอซื้อสิทธิ์การผลิตและจำหน่ายเกม อีกทั้งเสนอค่าสวนแบ่งลิขสิทธิ์เกม (royalty) ตามยอดขายออกไปให้ ซึ่งชาร์ลสตอบรับทุกข้อเสนอด้วยความยินดี พร้อมกับสัญญาว่าจะพัฒนาเกมเศรษฐีที่เล่นจบในเวลาสั้นกว่าเดิมให้ทางบริษัทด้วย
จนในที่สุดบริษัทพาร์คเกอร์ฯ ก็ผลิตเกมเศรษฐีออกมาจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1935 (พ.ศ. 2478) แม้ภายหลังบริษัทจะพบว่ามีเกมที่มีรูปแบบลักษณะการเล่นเดียวกันนี้วางจำหน่าย บริษัทก็ได้ไล่ซื้อลิขสิทธิ์เกมอื่น ๆ เพื่อปกป้องเกมโมโนโพลีไว้ และทำให้เกมนี้กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดของบริษัทพาร์คเกอร์ฯ
ทั้งนี้ สำหรับเกมโมโนโพลี (Monopaly) เป็นเกมที่ได้รับความนิยมมาก มีการบันทึกสถิติลงในหนังสือกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดว่า เกมนี้เป็นเกมกระดานที่มีคนเล่นมากที่สุดในโลกประมาณ 500 ล้านคน โดยถูกนำไปผลิตเป็นภาษาต่าง ๆ มากถึง 26 ภาษา และจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ ประมาณ 80 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยในไทยนั้นเรียกเกม Monopaly ว่า เกมเศรษฐี ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก