ทำความรู้จัก แป้งฝุ่น แป้งพัฟ และแป้งเด็ก
มีใครบ้างคะที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยใช้แป้งเลย เชื่อว่าทุกคนต้องเคยใช้แป้งกันทั้งนั้น เริ่มจากตอนเด็กๆ เราก็จะใช้แป้งฝุ่นเด็ก สูตรที่อ่อนโยนต่อผิววัยเด็ก โตมาหน่อยก็เริ่มใช้แป้งฝุ่นที่มีสีไว้แต่งหน้าให้ดูสดใสขึ้น และเมื่อแต่งหน้าเป็นก็จะเริ่มใช้แป้งพัฟแล้ว แต่ถึงแม้จะคุ้นเคยกับแป้งมาเพียงใด แต่เชื่อว่าหลายคนยังคงแยกไม่ออกว่าแป้งแต่ละแบบนั้นต่างกันอย่างไร
แป้งฝุ่นโรยตัวเด็ก ส่วนประกอบหลักของแป้งฝุ่น คือ ทัลคัม (talcum) หรือที่เรียกกันว่า ทัลค์ (talc) ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์มีชื่อเคมีว่า hydrated magnesium silicate และอาจมีแคลเซียมคาร์บอเนตชนิดผงเบาละเอียด พิเศษ (micronized calcium carbonate) อาจมีการเติมสารอื่นเช่น สารช่วยป้องกันความชื้น สารฝาดสมาน (astringent) สารช่วยทำให้ผิวเย็น สารกันเสีย สารแต่งกลิ่นและสี แป้งฝุ่นมีคุณสมบัติ ช่วยผสมผสานและดูดซึมซับความชื้นทำให้ผิวหนังเนียนลื่น
แป้งพัฟ หรือ แป้งผสมรองพื้น หรือ แป้งทูเวย์ นั้น เหมาะสำหรับใช้แต่งหน้าที่ไม่ต้องการความละเอียดมากนัก เหมาะกับคนที่เร่งรีบ ทาชิ้นเดียวเสร็จเลย เพราะในแป้งจะมีรองพื้นผสมอยู่แล้ว ทำให้บางคนนิยมทาแค่แป้งพัฟแล้วก็ออกจากบ้านได้เลย
แป้งพัฟนั้นมีคุณสมบัติปกปิดได้ปานกลางถึงหนา เมื่อเราทาซ้ำๆ หลายรอบ แป้งก็จะเกาะตัวหนาขึ้นตามลำดับนั่นเอง แต่ถึงแม้ว่าแป้งพัฟจะมีความหนา แต่ก็ไม่ค่อยติดทนเท่ากับการใช้รองพื้น ผิวสัมผัสที่ได้ก็ไม่เรียบเนียนเท่ากับการใช้รองพื้นด้วย
แป้งฝุ่น ถูกออกแบบมาให้มีอณุภาคขนาดเล็ก มีความละเอียดมากกว่าแป้งเด็ก จึงเหมาะกับการแต่งหน้าที่ต้องการความละเอียด เพราะอณูของแป้งจะกระจายเข้าไปตามร่องผิวได้ดี วิธีใช้ส่วนมากจะใช้สำหรับเซ็ทรองพื้น เพื่อเซ็ทให้รองพื้นไม่มัน ไม่ไหลเยิ้ม
ปัจจุบัน แป้งฝุ่น ถูกพัฒนาให้มีหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน หรือที่เรียกกันว่า "แป้งฝุ่นอัดแข็ง" นั่นเอง ซึ่งลักษณะจะคล้ายๆ กับแป้งพัฟ แต่อณูความละเอียดจะไม่เท่ากัน ช่างแต่งหน้าจึงนิยมใช้แป้งฝุ่น หรือแป้งฝุ่นอัดแข็งมากกว่าแป้งพัฟ
ทีนี้เราก็รูจักคุณสมบัติของแป้งแต่ละชนิดกันไปครบถ้วนแล้วนะคะ ต่อไปเวลาจะเลือกใช้แป้งก็เลือกใช้ให้เหมาะสมตามความต้องการได้เลยค่ะ ที่สำคัญเลยคือ ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในเบื้องต้น และควรพิจารณาสารประกอบเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแพ้นั่นเองค่ะ
เรียบเรียงโดยที่นี่ดอทคอม
ขอบคุณข้อมูลจาก :: www.plerne.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!