ปัญหาหนักอกหนักใจที่บรรดาผู้ใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ต้องเจอกันอยู่เป็นประจำก็คือทำเครื่องหล่น หรือเกิดกระแทกกับของบางอย่างแล้วหน้าจอแตก ซึ่งทำให้ลำบากต้องเสียเงินไปเปลี่ยนหน้าจอกันหลายพันบาท ดังนั้นบรรดาผู้ผลิตฟิล์มกันรอยชั้นนำจึงพร้อมใจกันพัฒนาฟิล์มกันรอยแบบกันกระแทก (Anti-Shock) ออกมาโดยเฉพาะ ซึ่งเท่าที่มีการทดสอบกันมา ไม่ว่าจะเอาค้อนทุบ, เอามีดกรีด, เอานิ้วเคาะ, ทำลูกบอลเหล็กหล่นใส่ หรือทำหล่นพื้น ก็พบกว่าฟิล์มกันกระแทกแบบนี้ สามารถป้องกันหน้าจอแตกได้จริง
เนื่องจากตัวของแผ่นฟิล์มเองจะประกอบไปด้วยชั้นย่อยหลายชั้นที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ตั้งแต่ชั้นฟิล์มกันรอยนิ้วมือ, ชั้นฟิล์มกันรอยขีดข่วน และชั้นฟิล์มกันแรงกระแทก ซึ่งชั้นฟิล์มกันกระแทกนี้เองจะผลิตจากกระจกที่สามารถช่วยดูดซับแรง หรือกระจายแรงกระแทกแทนหน้าจอจริงๆ ได้ แต่อย่างไรก็ดี แรงกระแทกที่เกิดขึ้นก็ต้องไม่แรงจนเกินไป และต้องเป็นแรงที่เข้ามากระทำกับหน้าฟิล์มโดยตรงเท่านั้น หากการกระแทกไม่ได้เกิดขึ้นที่บริเวณฟิล์ม เช่นทำเครื่องตกโดยเอามุมเครื่องลงพื้น กรณีนี้ฟิล์มกันกระแทกก็ไม่สามารถช่วยป้องกันความเสียหายได้
สรุปแล้ว ฟิล์มกันรอยราคาถูกหรือแพงแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกซื้อฟิล์มกันรอยแบบไหนดี ?
ฟิล์มกันรอยแบบต่างๆ แต่ละยี่ห้อ แต่ละแบบจะมีราคาที่แตกต่างกันไป โดยที่ฟิล์มราคาแพงกว่าจะแลกมาด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ของฟิล์มที่ดีกว่า เช่น กันรอยขีดข่วนได้ดีกว่า, ป้องกันรอยนิ้วมือเมื่อใช้งานได้ดีกว่า หรือลดการสะท้อนแสงจากแสงรอบๆ ตัวได้ดีกว่า เป็นต้น ซึ่งฟิล์มกันรอยที่ราคายิ่งสูง ก็จะยิ่งได้ฟิล์มที่มีคุณภาพกว่าฟิล์มที่ราคาถูกกว่านั่นเอง สำหรับการเลือกซื้อ ก็คงต้องพิจารณากันต่อไปว่า ผู้ใช้ถูกใจกับฟิล์มกันรอยแบบไหนมากกว่ากัน, มีงบประมาณมากน้อยขนาดไหน และฟิล์มกันรอยแบบไหนเหมาะสมกับการใช้งานของผู้ใช้ที่สุดนั่นเองครับ
ระดับความแข็งแรงของฟิล์ม การกันกระแทกและรอยขีดข่วน