สืบเนื่องจากกรณี ที่มีคนขึ้นไปถ่ายภาพบนตึกสาทรยูนิคทาวเวอร์ แล้วพบศพของ นายสติกโยฮาน คริสเตียน แฮมมาซเทน ผูกคอตาย จนตึกร้างตรงข้ามวัดยานนาวาแห่งนี้ได้รับความสนใจจากผู้คน
โดยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ผู้สื่อข่าว จส.100 ได้นำเสนอเรื่องราวของ อาคารสาทร ยูนิค ทาวเวอร์ จากอีกหนึ่งมุมมองของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ โดยมีความเชื่อกันว่าจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่อาคารร้างแห่งนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดยานนาวา ทำให้เงาตึกบดบังจนแดดส่องไม่ถึงวัดเก่าแก่แห่งนี้ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ภายในมีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ และมีเรือสำเภาหรือพระสำเภาพระเจดีย์ ที่รัชกาลที่ 3 ทรงรับสั่งให้สร้างขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งศักสิทธิ์ที่คนในพื้นที่ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะทำเลที่ตั้งของอาคารสาทร ยูนิค ทาวเวอร์ เพราะก่อนที่จะมีการก่อสร้างอาคารชุด พื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นโรงหนังศรีสาทรมาก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการไป ก่อนมาก่อสร้างเป็นอาคารดังกล่าว บางคนยังเปรียบเทียบอาคารแห่งนี้กับอาคารชุดและคอนโดในพื้นที่ใกล้เคียง ว่ามีหลายอาคารที่สร้างขึ้นหลังอาคารสาทร ยูนิค ทาวเวอร์ แต่ขณะนี้ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยและมีคนเข้ามาอยู่อาศัยแล้ว
สำหรับข่าวใหญ่ที่พัวพันกับอาคารสาทร ยูนิค ทาวเวอร์ นอกจากกรณีพบศพชายชาวต่างชาติแล้ว ยังมีคดีความที่ นายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ เจ้าของอาคารสาทร ยูนิค ทาวเวอร์ ถูกจับดำเนินคดีในคดีจ้างวานฆ่า นายประมาณ ชันซื่อ ประธานศาลฎีกา ซึ่งว่ากันว่าคดีนี้มีความแปลกประหลาดมาก เพราะคนที่อ้างว่าเป็นมือปืนยอมรับสารภาพทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลงมือฆ่าตามใบสั่ง ทำให้แม้แต่ตัวประธานศาลฎีกาเองก็ดูจะไม่เชื่อว่านายรังสรรค์จะเป็นคนจ้างวานฆ่า และแม้จะมีเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ แต่ในที่สุดศาลชั้นต้นก็ได้พิพากษาจำคุก นายรังสรรค์ เป็นเวลา 25 ปี เป็นเหตุให้การก่อสร้างอาคารสาทร ยูนิค ทาวเวอร์ มีอันต้องยุติไปโดยไม่สามารถสร้างต่อจนเสร็จได้ ก่อนที่ต่อมาศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ยกฟ้องในปี 2551
ล่าสุด ตึกสาทรยูนิค ได้มีผู้ซื้อและทำสัญญาการซื้อขายเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็เกิดเรื่องฝรั่งผูกคอตายบนตึกเสียก่อน
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก js100