
เคล็ดแห่งการสร้าง สุขแท้ ในแบบ...โจน จันใด
ผมเคยรู้สึกว่าอยากจะมีความสุข เพราะผมไม่เคยได้อะไรที่
อยากได้ ไม่เคยรู้สึกพอใจกับตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองยากจน ไม่ฉลาด และไม่มีใครสนใจ
ความจริงแล้ว...ผมไม่รู้ว่าความสุขจริง ๆ นั้นคืออะไร เพียงแต่อยากจะหนีจากความรู้สึกอึดอัด ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองผม คาดเดาเอาว่า สิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่ผมรู้สึกอยู่นี้น่าจะเป็นความสุข
หลายคนพยายามอธิบายว่า "ความสุข" คืออะไร แต่ยังหาความเป็นเอกฉันท์ไม่ได้
บางครั้งเราเอาขนมหวานให้เด็กเขาจะยิ้มด้วยความตื่นเต้นดีใจ แล้วเราก็บอกว่าเด็กมีความสุข
บางคนที่อยู่ในระหว่างตกหลุมรักใคร สักคนจนลืมตัวลืมตน ลืมทุกสิ่งทุกอย่างหายใจเข้าออกเป็นเธอตลอดเวลา เขาก็บอกว่ามีความสุขมาก
บางคนนั่งชมนกชมไม้ ชมท้องฟ้าเงียบ ๆ คนเดียวเขาก็บอกว่านั่นคือ ความสุข
ผมเลยสรุปเอาง่ายๆ ว่า "ความสุข" คือความพอใจในเวลาได้สิ่งที่
เราอยากได้ แล้วผมก็เริ่มแสวงหาความสุข โดยการแสวงหาสิ่งที่อยากได้
::::::::::::::::::
ผมเริ่มรู้สึกว่าคนอื่นก็คิดคล้าย ๆ กัน ต่างคนต่างแย่งกันหางาน แย่งกันทำงาน แย่งกันหาเงิน แล้วแย่งกันซื้อสิ่งที่อยากได้
....กว่าจะได้ทีวี สักเครื่องต้องทำงานหลายเดือน
....กว่าจะได้รถสักคันต้องใช้เวลาหลายปี
....กว่าจะได้บ้านสักหลังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
และพอได้มาก็จะรู้สึก `ตื่นเต้นยินดี´อย่างมากในตอนแรก ๆ
....แต่ไม่นานความพอใจก็ค่อย ๆ จางคลายลงไป
....ในที่สุดก็เฉย ๆ
....แล้วความต้องการอันใหม่ก็
เกิดขึ้นมาแทนที่
....แล้วก็ต้องเริ่มหาเงินใหม่
เพื่อที่จะซื้อของใหม่
....เป็นอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
::::::::::::::::::
ผมเริ่มมีคำถามขึ้นในใจว่า "ถ้าความสุข คือความพอใจความปลาบปลื้มดีใจที่เกิดจากการได้สิ่งที่อยากได้" มันคุ้มกันไหมกับการแสวงหา....
เพราะเราต้องทำงานหนักเหลือเกินกว่าจะได้มา พอได้มาแล้วความปลาบปลื้มดีใจ หรือที่เราเรียกว่าความสุขนั้นมันอยู่กับเราได้ไม่นานเลย
เราต้องทนทุกข์ทรมานกับการแสวงหาความสุข เป็นเวลายาวนานกว่าเวลาที่เรารู้สึกเป็นสุขกับมันเสียอีก
พอได้อันนี้แล้วความอยากอันใหม่ ก็ตามมา แล้วเราก็เริ่มเป็นทุกข์เพราะ
อยากได้อีก เป็นเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน จนตายก็ไม่หมด
:::::::::::::::::
ผมเริ่มมองเห็นว่าความสุขกับ ความทุกข์เป็นอันเดียวกัน พอเริ่มเป็นสุขนั่นคือจุดเริ่มต้น ของความทุกข์
....พอรู้สึกสบายใจได้ไม่นาน เรื่องร้าย ๆ ก็เกิดขึ้น
....พอรู้สึกเย็นสบายได้ไม่นาน ความร้อนอบอ้าวก็จะตามมา
ความจริงแล้วแม้ว่าเราไม่ แสวงหาทั้งความสุขและทุกข์...มันก็จูงมือกันมาเองโดยไม่ต้องเชื้อเชิญ
ผมถามตัวเองว่า...ถ้าหากเรา ไม่สนใจความสุขความทุกข์ เลยมันจะเป็นยังไง
แล้วเริ่มลองเพิกเฉยต่อความ สุขและความทุกข์ โดยฝึกตัวเอง ให้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เช่น...
ผมชอบไอศกรีมมาก ทุกครั้งที่ผมได้ชิมจะรู้สึก เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ผมก็เข้าไปในร้านไอศครีมกับ เพื่อน แต่ไม่กิน ผมไปนั่งดูเพื่อนกินเฉยๆ
ตอนแรก ๆ จะรู้สึกทรมานมาก อยากกินเหลือเกิน รู้สึกว่าเป็นทุกข์มากแต่ก็ไม่สนใจมัน พยายามทำใจแข็งๆ ไว้ ไม่กิน
พอผ่านไปสองสามครั้ง อาการทุกข์ทรมานก็เริ่มผ่อนคลายลง นานๆ เข้าผมก็รู้สึกเฉยๆ กับไอศกรีมได้
ปกติผมเป็นคนกลัวผีมากที่สุด ไม่เคยอยู่ คนเดียวห่างไกลจากผู้คน แล้วผมก็ลองฝึกอยู่คนเดียวกับความกลัว ประมาณหกเจ็ดวันความกลัวผีก็ลดลง พอผ่านไปสองเดือนมันก็หายไปเลย
::::::::::::::::::
ผมเริ่มฝึกทำในสิ่งตรงกันข้าม กับใจหรือความรู้สึกของตัวเองบ่อยขึ้น
ผมเริ่มคุ้นเคยกับการไม่เอาใจ
ใส่กับสิ่งที่ชอบ ไม่เอาใจใส่กับสิ่งที่เกลียด แต่ทำในสิ่งที่ต้องทำตามปกติ
ผมเริ่มเกิดความเข้าใจว่าโลกไม่มีปัญหาอะไรเลย ใจเราต่างหากที่ทำสิ่งปกติให้กลายเป็นปัญหา เช่น...
มีต้นไม้ต้นหนึ่งเติบโตขึ้นมากลางทางเดิน คนหนึ่งบอกว่าเกะกะมากต้องเดินอ้อมทำให้เสียเวลา บางคนอาจจะชนหรือเตะได้
แต่อีกคนหนึ่ง บอกว่ามันสวยดีนะ ทำให้ทางเดินไม่ตรงเป๊ะจนเกินไป ได้เดินอ้อมบ้างก็ดี
จะเห็นได้ว่าต้นไม้ก็อยู่ของมันอย่างนั้น มันโตขึ้นมาจากพื้นดิน ตามปกติของมัน มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ใจคนต่างหากที่มีปัญหา
::::::::::::::::::
ฉะนั้น....เวลารู้สึกว่ามีปัญหา ผมก็มักจะกลับมามองที่ "ใจ" ตัวเองก่อนเสมอ เพราะหลาย ๆ ครั้ง การแก้ปัญหาที่ใจง่ายกว่าการแก้ปัญหาข้างนอก
เช่น เวลาโดนคนดูหมิ่น ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน ถ้าแก้ที่ "ใจ "
ก็แค่คิดว่ามันเป็นปัญหาของเขา เราไปทำอะไรไม่ได้ เราทำดีที่สุดแล้ว
คิดแค่นี้ก็จบปัญหาได้ แต่ถ้าไปแก้ข้างนอกก็จะยากขึ้น ต้องไปอธิบายต้องไปทะเลาะวิวาทยาวไปเรื่อย ๆ ไม่จบง่าย ๆ
การฝึกไม่สนใจสิ่งที่ชอบหรือ สิ่งที่เกลียด ปล่อยให้มันผ่านเข้ามา และออกไปบ่อย ๆ จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของจิตใจทีละนิด ๆ
ความเข้าใจอันนี้ช่วยทำให้เรายอมรับความจริงของชีวิตมากขึ้นและง่ายขึ้น
::::::::::::::::::
เวลาเจ็บป่วยถ้าเข้าใจว่าการเจ็บป่วยเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต เราก็จะไม่กลัว ไม่ตกใจ
ตรงกันข้าม เราจะรู้สึกขอบคุณการเจ็บป่วยที่มาเตือนให้เรารู้ว่า วิถีชีวิตหรือพฤติกรรมหรือความคิดของเรามันผิดไป เราถึงได้ป่วย
เราจะได้ทบทวนและแก้ไข เช่น เราอาจจะกินอาหารไม่ดี ประมาทเกินไป ทำงานหนักเกินไป เป็นต้น
หรือบางครั้งการเจ็บป่วยก็เป็นการเตือนว่าเรามีเวลาไม่มากนัก อยากทำอะไรก็รีบทำ ไม่อย่างนั้นจะสายเกินไป
::::::::::::::::::
การเข้าใจจิตใจของตัวเองทำให้ชีวิตง่ายเบาสบาย ไม่กลัวไม่กังวล จะเห็นว่าชีวิตเป็นเรื่องเล่น ๆ ไม่เคร่งเครียด และยังเพลิดเพลินกับการมีชีวิตอีกด้วย
ซึ่งตรงนี้อาจจะเรียกว่าเป็น"ความสุข" หรืออะไรก็แล้วแต่ใครจะเรียก
ผมเริ่มเห็นต่างจากคนทั่ว ๆ ไป ที่เห็นว่า "ความสุข" คือ ความพึงพอใจ หรือปลาบปลื้มยินดีกับการได้สิ่งที่อยากได้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นวัตถุ ต้องไปทำงานหาเงินแล้วใช้เงินซื้อสิ่งที่อยากได้
แต่ผมเห็นว่าความสุขที่ได้จากวิธีนี้ไม่คุ้มกับการที่ต้องทุ่มเท
แรงงานและเวลามากมายกว่าจะได้มันมา และมันก็อยู่กับเราไม่นาน
แต่ผมชอบความง่าย ความเบาสบายมากกว่า เพียงแค่ฝึกที่จะไม่สนใจสิ่งที่
ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้นเอง แล้วความเข้าใจ การทำงานของใจก็จะเกิดขึ้น
เรื่อยๆ
ยิ่งเข้าใจมาก ชีวิตก็ยิ่งจะอยู่กับความจริงมากขึ้น แล้วความง่าย ความเบาสบายก็ตามมา ซึ่งเราจะเรียก มันว่าความสุขก็ได้เช่นกัน แต่มันจะเป็นความสุขที่อยู่กับเรายืนนานตลอดไป
::::::::::::::::::
ส่วนความเข้าใจจิตใจของตัวเองนั้น เราอาจจะเรียกว่า "ปัญญา" ก็ได้ การพัฒนาอะไรก็ตามที่ทำให้ยากขึ้น ซับซ้อนขึ้น ถือว่าเป็นการพัฒนาไปสู่ความเสื่อม แต่การพัฒนาที่ทำให้ง่ายขึ้น เบาขึ้น เพลิดเพลินขึ้น ถือว่าเป็นการทำให้ดีขึ้น
การพัฒนาใจให้เกิดความเข้าใจดังกล่าวมากขึ้น ๆ ชีวิตก็จะง่ายขึ้น น่าอยู่มากขึ้น ไม่หนักไม่กังวล
ทุกวันนี้ผมไม่ได้คิดถึงความสุข ไม่ได้แสวงหาความสุขเลย แต่ผมรู้สึกเพลิดเพลินกับการเผชิญปัญหา การทดลองใช้ชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ
มันทำให้เกิดความเข้าใจ... ดูเหมือนว่าความเข้าใจในชีวิตหรือจิตใจของตัวเองมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ความเข้าใจทำให้ไม่กลัว ทำให้ไม่กังวล ทำให้ง่าย ทำให้เพลิดเพลิน เท่านี้ก็พอแล้ว สำหรับการมีชีวิตอยู่
::::::::::::::::::
ขอบคุณบทความจาก : โจน จันใด | วารสารสานแสงอรุณ

เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว