ดอยอ่างขางมีมนต์เสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลไปแล้วก็อยากจะกลับไปอีก
และที่สำคัญ ที่ดอยอ่างขางมีสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งเป็นโครงการหลวงแห่งแรก
ประวัติความเป็นมาของ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่หมู่บ้านผักไผ่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และได้เสด็จผ่านบริเวณดอยอ่างขาง ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าชาวเขาส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ทำการปลูกฝิ่นแต่ยังยากจน ทั้งยังทำลายทรัยากรป่าไม้ต้นน้ำลำธารที่เป็นแหล่งสำคัญต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่นของประเทศได้ จึงทรงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศหนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลยและสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับพระองค์ทรงทราบว่าชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่จากชาวเขาในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งประธานมูลนิธิโครงการหลวง ใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอก เมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานนามว่า “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”
ขอบคุณข้อมูลจากเวบ http://www.angkhangstation.com
ทางแรกที่นิยมใช้กันก็คือขึ้นตรงเส้นทางไชยปราการ - ฝาง ทางนี้แม้ระยะทางจะสั้น แต่ค่อนข้างชันมาก ถ้ารถไม่แรงพอแนะนำให้จอดไว้ตรงปากทางแล้วนั่งรถสองแถวขึ้นไป น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ทางที่สอง มาทางเชียงดาวแล้วขึ้นไปทางหมู่บ้านอรุโณทัย ทางนี้ไม่ชันมากแต่อาจจะแคบหน่อย แต่วิวสวยดี รถไม่ค่อยเยอะ ชมวิวข้างทางไปเพลิน ๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากมาย
เมื่อขึ้นไปถึงดอยอ่างขางจุดแรกที่เราจะได้เจอก็คือ " ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง " ที่นี่ถือว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดจุดหนึ่งในอ่างขางเลยเราสามารถพบเจอกับทะเลหมอกได้ทั้งช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว แต่ช่วงที่ไปแล้วเจอแน่ ๆ จะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือน ตุลาคม -พฤศจิกายน