บอย มีปมสำคัญ คือ ซื้อรถหรูลัมโบกินี ราคา 13.5 ล้านบาท ต่อจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนี้ แถมยังถูกอายัดรถหรูคันดังกล่าวไปแล้วนั้น หลายคนยังสงสัยอยู่ว่า เอ! ที่มีข่าวคราวถึงเรื่องประเด็นผิดรับของโจรนี่จริงหรือไม่ หรือประเด็นที่ได้รับทรัพย์สินมาโดยสุจริตและเสียต่าตอบแทน ไม่มีความผิด ไม่ต้องคืนรถนั้นจริงไหม ในทางกฎหมายอธิบายปรากฏการณ์ของบอย ปกรณ์ ได้ว่าอย่างไร
มติชนออนไลน์ จับเข่าคุย กับ อาจารย์นันทัช กิจรานันทน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงประเด็น บอย ปกรณ์ ในแง่มุมทางกฎหมาย ดังนี้
ความผิดฐานรับของโจร คืออะไร แล้ว บอย ปกรณ์ จะผิดข้อหานี้หรือไม่ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ในกฎหมายอาญาไทย เหตุผลที่รับของโจรเป็นความผิด เพราะกฎหมายต้องการให้ติดตามทรัพย์กลับคืนมาโดยง่าย และป้องกันช่องทางจะทำให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ต่อไปอีก ดังนั้น จะมีความผิดฐานรับของโจรก็ต่อเมื่อ มีการ “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อรับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระ ทำความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด เอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์” และผู้กระทำต้องมีเจตนา คือ รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยต้องรู้ในขณะที่รับทรัพย์นั้นไว้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ในกรณีตามข่าว บอย ปกรณ์ ในขณะที่ซื้อรถมิได้ทราบว่ารถที่ตนเองซื้อมาดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่เกิดจากการกระทำความผิดดังนั้น บอย ปกรณ์จึงขาดเจตนาที่จะรับของโจร จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร
ที่มีการชี้แจงว่า บอย ซื้อรถมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน ตรงนี้ใช้พิจารณา ถึงองค์ประกอบว่าต้องรับผิดหรือไม่ ด้วยได้ไหม
ถ้าเป็นเรื่องความผิดฐานรับของโจรในทางอาญาแล้ว ต้องใช้ถ้อยคำให้ชัดว่า ไม่มีเจตนากระทำความผิด จึงไม่ผิดฐานรับของโจร ในส่วนเรื่องสุจริตและการเสียค่าตอบแทนคงนำมาใช้พิจารณาประกอบว่ามีเจตนากระทำความผิดหรือไม่ คือ หากพบว่ามีการจ่ายเงินซื้อรถในราคาตลาดปกติทั่วไปโดยสุจริต โดยไม่มีพฤติการณ์ที่ บอย ปกรณ์ ผู้ซื้อจะทราบได้ถึงความผิดปกติว่ารถน่าจะได้มาจากการกระทำความผิด ก็ส่งผลให้บอย ปกรณ์ขาดเจตนาในการกระทำความผิดฐานรับของโจร จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร
บอย ปกรณ์ ในฐานะคนที่ซื้อรถมา จากการยักยอกเงิน ของคนซื้อรถมาแต่แรก จะจัดอยู่ส่วนไหนในคดีนี้
กรณีนี้บอย ปกรณ์ หากไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดย่อมไม่ถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ต้องหา แต่หากทางตำรวจเห็นว่าถ้อยคำของ บอย ปกรณ์อาจเป็นประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาคดีของศาล บอย ปกรณ์ ก็สามารถเป็นพยานในคดีนี้ได้
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ต่อสังคมได้อย่างไรบ้าง
หลายหน่วยงานของของรัฐโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยกำลังเข้าสู่การออกนอกระบบทำให้มีการบริหารเงินในจำนวนที่มากขึ้นและมีอิสระในการบริหารเงินมากขึ้นในส่วนนี้ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาต้องช่วยกันตรวจสอบระบบบัญชีและการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐให้ดี ในทางกลับกันก็ต้องมีระบบที่ให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างหรือองค์กรจากภายนอกตรวจสอบผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ด้วยโดยปกติอาชญากรรมประเภทนี้ยากที่จะทำโดยลำพังจึงมักมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนและยากที่จะตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม อ.นันทัช ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นการไขข้อข้องใจตามข้อเท็จจริงในข่าวที่ปรากฏ หากในทางการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ มีข้อมูลสืบสวน สอบสวน เชิงลึก และได้ข้อเท็จจริงในคดีที่มากขึ้น หรือ แตกต่างไปจากนี้ ก็อาจทำให้รูปคดีเปลี่ยนไปได้