โรค จิ๋มล็อค ภัยใกล้ตัวที่คู่รักต้องระวัง
ภาวะจิ๋มล็อค หรือมีชื่อทางการแพทย์ว่า “Vaginismus”
เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อบริเวณปากช่องคลอด มีการหดรัดตัวโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหา จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออกมาได้อย่างที่เป็นข่าว แต่ใช่ว่าจะมีแต่ปัญหา “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออก” แต่เพียงอย่างเดียว คุณรู้มั้ยครับว่า มีกรณี “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า” ด้วยเช่นกันนะครับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกันได้เลยครับ
จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออก
ซึ่งตรงกับเนื้อหาข่าวข้างต้นเป๊ะ เป็นเหตุการณ์ที่จู๋ติดหนึบอยู่ภายในช่องคลอดขณะกำลังมีเซ็กส์ จึงทำให้ไม่สามารถดึงจู๋ออกจากช่องคลอดฝ่ายหญิงได้ ทางการแพทย์เรียกเหตุการณ์เช่นนี้ว่า “Penis captivus” ยังไม่มีข้อมูลรายงานว่าพบบ่อยแค่ไหน แต่ถือว่าพบได้น้อยมากๆ หรือแทบไม่เจอเลยก็ว่าได้ (อย่างน้อยก็ผมคนนึงแหละที่ยังไม่เคยพบคนไข้แบบนี้) ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไรนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากภาวะ Vaginismus หรือ จิ๋มล็อค อย่างที่เราเรียกเล่นๆกัน ซึ่งมักจะมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้มากขึ้นก็คือ
1.มีอาการตกใจอย่างมาก ขณะกำลังมีเซ็กส์ เช่น กรี๊ด!! หันไปเจอว่ามีแมวมองแอบดูอยู่ หรือ เมื่อฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอด หรือเกิดความเจ็บปวดขึ้นมากระทันหัน กล้ามเนื้อบริเวณปากช่องคลอดจะเกิดการหดเกร็งค้างอย่างไม่ตั้งใจเฉียบพลัน จึงทำให้องคชาติถูกกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอดรัดแน่น ติดหนึบจนไม่สามารถดึงออกได้ สร้างความทรมานให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งองคชาติที่ถูกหดรัดไว้ และกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอดเองที่หดรัดค้างนานๆคล้ายเป็นตะคริวจนทำให้ฝ่ายหญิงเจ็บปวดทรมานได้เช่นกัน
2.ขนาดองคชาติที่ฟิตพอดีกับช่องคลอด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นไซส์บิ๊กบึ้มเสมอไป แต่ขอเพียงฟิตกระชับพอเหมาะพอเจาะกับช่องคลอดฝ่ายหญิง ก็ถือได้ว่าเป็นปัจจัยส่งเสริมได้เช่นกันครับ
3.เซ็กส์ในน้ำ ซึ่งน้ำจะชะล้างสารคัดหลั่งภายในช่องคลอดออกไปทำให้ขาดสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ อีกทั้งเซ็กส์ในน้ำมักทำให้เกิดสภาวะสูญญากาศภายในช่องคลอดได้ง่าย ยิ่งส่งเสริมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้มากขึ้น
ดังนั้นเหตุการณ์ จู๋ติด – จิ๋มล็อค ถือว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้จริงเพราะสามารถอธิบายได้ตามหลักทางการแพทย์ เพียงแต่ว่าอาจพบได้น้อยมากๆเท่านั้นเอง ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเลยต้องถึงมือหมอให้ช่วยแล้วล่ะครับ
เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อบริเวณปากช่องคลอด มีการหดรัดตัวโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหา จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออกมาได้อย่างที่เป็นข่าว แต่ใช่ว่าจะมีแต่ปัญหา “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออก” แต่เพียงอย่างเดียว คุณรู้มั้ยครับว่า มีกรณี “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า” ด้วยเช่นกันนะครับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกันได้เลยครับ
จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออก
ซึ่งตรงกับเนื้อหาข่าวข้างต้นเป๊ะ เป็นเหตุการณ์ที่จู๋ติดหนึบอยู่ภายในช่องคลอดขณะกำลังมีเซ็กส์ จึงทำให้ไม่สามารถดึงจู๋ออกจากช่องคลอดฝ่ายหญิงได้ ทางการแพทย์เรียกเหตุการณ์เช่นนี้ว่า “Penis captivus” ยังไม่มีข้อมูลรายงานว่าพบบ่อยแค่ไหน แต่ถือว่าพบได้น้อยมากๆ หรือแทบไม่เจอเลยก็ว่าได้ (อย่างน้อยก็ผมคนนึงแหละที่ยังไม่เคยพบคนไข้แบบนี้) ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไรนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากภาวะ Vaginismus หรือ จิ๋มล็อค อย่างที่เราเรียกเล่นๆกัน ซึ่งมักจะมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้มากขึ้นก็คือ
1.มีอาการตกใจอย่างมาก ขณะกำลังมีเซ็กส์ เช่น กรี๊ด!! หันไปเจอว่ามีแมวมองแอบดูอยู่ หรือ เมื่อฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอด หรือเกิดความเจ็บปวดขึ้นมากระทันหัน กล้ามเนื้อบริเวณปากช่องคลอดจะเกิดการหดเกร็งค้างอย่างไม่ตั้งใจเฉียบพลัน จึงทำให้องคชาติถูกกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอดรัดแน่น ติดหนึบจนไม่สามารถดึงออกได้ สร้างความทรมานให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งองคชาติที่ถูกหดรัดไว้ และกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอดเองที่หดรัดค้างนานๆคล้ายเป็นตะคริวจนทำให้ฝ่ายหญิงเจ็บปวดทรมานได้เช่นกัน
2.ขนาดองคชาติที่ฟิตพอดีกับช่องคลอด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นไซส์บิ๊กบึ้มเสมอไป แต่ขอเพียงฟิตกระชับพอเหมาะพอเจาะกับช่องคลอดฝ่ายหญิง ก็ถือได้ว่าเป็นปัจจัยส่งเสริมได้เช่นกันครับ
3.เซ็กส์ในน้ำ ซึ่งน้ำจะชะล้างสารคัดหลั่งภายในช่องคลอดออกไปทำให้ขาดสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ อีกทั้งเซ็กส์ในน้ำมักทำให้เกิดสภาวะสูญญากาศภายในช่องคลอดได้ง่าย ยิ่งส่งเสริมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้มากขึ้น
ดังนั้นเหตุการณ์ จู๋ติด – จิ๋มล็อค ถือว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้จริงเพราะสามารถอธิบายได้ตามหลักทางการแพทย์ เพียงแต่ว่าอาจพบได้น้อยมากๆเท่านั้นเอง ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเลยต้องถึงมือหมอให้ช่วยแล้วล่ะครับ
จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า
สามารถพบเหตุการณ์ทำนองนี้ได้บ่อยกว่าภาวะจิ๋มล็อคแบบแรกนะครับ ส่วนตัวผมเคยรักษาคนไข้ที่มีปัญหามีบุตรยาก ที่มีสาเหตุจากปัญหา จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า อยู่ ราวๆ 10 รายเห็นจะได้ ซึ่งในความเป็นจริงอาจมีมากกว่านั้น เพียงแต่เป็นปัญหาที่ผู้หญิงไม่ค่อยกล้าที่จะเข้ามาปรึกษา คงเพราะอาย หรือกลัวการตรวจภายใน ง่ายๆคงกลัวเจ็บนั่นเองครับ
สามารถพบเหตุการณ์ทำนองนี้ได้บ่อยกว่าภาวะจิ๋มล็อคแบบแรกนะครับ ส่วนตัวผมเคยรักษาคนไข้ที่มีปัญหามีบุตรยาก ที่มีสาเหตุจากปัญหา จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า อยู่ ราวๆ 10 รายเห็นจะได้ ซึ่งในความเป็นจริงอาจมีมากกว่านั้น เพียงแต่เป็นปัญหาที่ผู้หญิงไม่ค่อยกล้าที่จะเข้ามาปรึกษา คงเพราะอาย หรือกลัวการตรวจภายใน ง่ายๆคงกลัวเจ็บนั่นเองครับ
สาเหตุที่ภาวะนี้ทำให้มีบุตรยาก ก็เพราะว่าฝ่ายชายไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศผ่านปากช่องคลอดที่หดเกร็งนั้นเข้าไปได้ เลยไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้เหมือนคนทั่วไป ถือเป็นความผิดปกติทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่งยิ่งหากฝ่ายชายไม่เข้าใจด้วยแล้วอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและการครองรักอีกด้วย โดยสาเหตุแบ่งออกเป็น 2 ข้อหลักๆ คือ
1.กายพร้อม ใจไม่พร้อม : คนไข้กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาด้านสรีระ แต่มีปัญหาที่ทัศนะคติและสภาพจิตใจ เช่น เคยถูกข่มขืน หรือล่วงละเมิดทางเพศ หรือมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการมีเซ็กส์ จึงทำให้ฝังใจ กลัวการมีเซ็กส์ไปเลย หรือในรายที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนอาจคิดเองว่าช่องคลอดตัวเองเล็ก จึงกลัวที่จะเจ็บ จนพาลทำให้วิตกกังวล และเครียดมากจึงไม่กล้าที่จะมีเซ็กส์ นอกจากนี้ทัศนะคติเรื่องเพศในแง่ลบ เช่น เซ็กส์เป็นเรื่องสกปรก มองว่าผู้หญิงที่มีเซ็กส์เป็นผู้หญิงไม่ดี ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของอาการเกร็งกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอดที่ควบคุมไม่ได้ บางครั้งอาจต้องปรึกษาจิตแพทย์เพื่อปรับทัศนคตินะครับ
2.ใจพร้อม กายไม่พร้อม : คนไข้กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาด้านจิตใจ แต่มีปัญหาที่สรีระร่างกาย เช่น เยื่อพรหมจรรย์ยังไม่เปิด ปากช่องคลอดแคบมาก เนื้อบริเวณฝีเย็บหนาและแข็งแรงมาก จึงเป็นผลทำให้ฝ่ายชายไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอดได้เลย เมื่อฝ่ายชายไม่เข้าใจและพยายามที่จะสอดใส่ให้ได้ ก็ยิ่งทำให้ฝ่ายหญิงเจ็บปวด ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่งผลทำให้เกิดอาการกลัว และฝังใจไม่อยากมีเซ็กส์ไปเลย
จากประสบการณ์ในการรักษาคนไข้กลุ่มนี้นะครับในกรณีที่ไม่มีปัญหาด้านสรีระ การแก้ไขภาวะจิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า นี้เบื้องต้นทำได้โดยการพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างสรีระของฝ่ายหญิงเองก่อน และต้องเชื่อมั่นว่าอวัยวะเพศของตนเองปกติเหมือนคนทั่วไป จากนั้นค่อยๆเริ่มทำความคุ้นเคยกับอวัยวะเพศของตนเอง โดยการฝึกขมิบช่องคลอดเพื่อให้รับรู้ถึงการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอด เพื่อให้สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณนี้ได้ บางครั้งอาจต้องปรึกษาจิตแพทย์เพื่อปรับทัศนคติ และบำบัดสภาพจิตใจร่วมด้วยถ้าจำเป็นนะครับ
1.กายพร้อม ใจไม่พร้อม : คนไข้กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาด้านสรีระ แต่มีปัญหาที่ทัศนะคติและสภาพจิตใจ เช่น เคยถูกข่มขืน หรือล่วงละเมิดทางเพศ หรือมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการมีเซ็กส์ จึงทำให้ฝังใจ กลัวการมีเซ็กส์ไปเลย หรือในรายที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนอาจคิดเองว่าช่องคลอดตัวเองเล็ก จึงกลัวที่จะเจ็บ จนพาลทำให้วิตกกังวล และเครียดมากจึงไม่กล้าที่จะมีเซ็กส์ นอกจากนี้ทัศนะคติเรื่องเพศในแง่ลบ เช่น เซ็กส์เป็นเรื่องสกปรก มองว่าผู้หญิงที่มีเซ็กส์เป็นผู้หญิงไม่ดี ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของอาการเกร็งกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอดที่ควบคุมไม่ได้ บางครั้งอาจต้องปรึกษาจิตแพทย์เพื่อปรับทัศนคตินะครับ
2.ใจพร้อม กายไม่พร้อม : คนไข้กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาด้านจิตใจ แต่มีปัญหาที่สรีระร่างกาย เช่น เยื่อพรหมจรรย์ยังไม่เปิด ปากช่องคลอดแคบมาก เนื้อบริเวณฝีเย็บหนาและแข็งแรงมาก จึงเป็นผลทำให้ฝ่ายชายไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอดได้เลย เมื่อฝ่ายชายไม่เข้าใจและพยายามที่จะสอดใส่ให้ได้ ก็ยิ่งทำให้ฝ่ายหญิงเจ็บปวด ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่งผลทำให้เกิดอาการกลัว และฝังใจไม่อยากมีเซ็กส์ไปเลย
จากประสบการณ์ในการรักษาคนไข้กลุ่มนี้นะครับในกรณีที่ไม่มีปัญหาด้านสรีระ การแก้ไขภาวะจิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า นี้เบื้องต้นทำได้โดยการพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างสรีระของฝ่ายหญิงเองก่อน และต้องเชื่อมั่นว่าอวัยวะเพศของตนเองปกติเหมือนคนทั่วไป จากนั้นค่อยๆเริ่มทำความคุ้นเคยกับอวัยวะเพศของตนเอง โดยการฝึกขมิบช่องคลอดเพื่อให้รับรู้ถึงการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อรอบๆปากช่องคลอด เพื่อให้สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณนี้ได้ บางครั้งอาจต้องปรึกษาจิตแพทย์เพื่อปรับทัศนคติ และบำบัดสภาพจิตใจร่วมด้วยถ้าจำเป็นนะครับ
แต่ถ้าแพทย์ตรวจพบว่ามีความผิดปกติด้านสรีระก็ค่อยแก้ไขตามสาเหตุ เช่น ปากช่องคลอดแคบหรือฝีเย็บหนามาก ให้ลองฝึกขยายปากช่องคลอดด้วยตัวเอง หรือสามีช่วย เพราะคุณสามีจะมองเห็นได้ชัดกว่า อีกทั้งยังทำให้คุณสามีเข้าใจภรรยามากยิ่งขึ้น และรู้ว่าเมื่อไหร่ภรรยาถึงจะพร้อมมีเพศสัมพันธ์ได้จริงๆ เริ่มต้นโดยการใช้วัสดุชิ้นเล็กๆสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดโดยที่ไม่เจ็บก่อน เช่น นิ้วมือตนเอง หรือของสามี หรือเทียนไขฝนปลายให้มน เพื่อถ่างขยายปากช่องคลอดเป็นประจำทุกวัน แนะนำว่าควรรักษาความสะอาดร่วมกับใช้เจลหล่อลื่นด้วยทุกครั้ง เพื่อง่ายต่อการสอดใส่และไม่เจ็บ จากนั้นจึงค่อยๆเพิ่มขนาดเทียนไขให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในระยะแรกอาจจะรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เพิ่มขนาดของเทียนไข แต่นานเข้าจะรู้สึกเคยชินมากขึ้นเองครับ ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป อาจใช้เวลานาน 4-8 เดือน จนขยายขนาดใกล้เคียงกับขนาดของอวัยวะเพศสามี หลังจากนั้นอาจจะทดลองมีเพศสัมพันธ์เหมือนปกติ โดยควรให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้ควบคุมการสอดใส่ด้วยตนเอง เพราะจะรู้จังหวะช่วงกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานคลายตัวได้ดีที่สุดและไม่เจ็บ แต่ในกรณีที่มีปัญหาด้านสรีระรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดรักษา เช่นการผ่าตัดเล็กเพื่อเปิดเยื่อพรมจรรย์ หรือเพื่อตัดฝีเย็บขยายปากช่องคลอด เป็นต้นครับสิ่งสำคัญที่สุดคือที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ ฝ่ายชายต้องพยายามเข้าใจถึงความผิดปกติของฝ่ายหญิง ใจเย็นๆ รู้จักให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โอกาสที่จะกลับไปมีเพศสัมพนธ์กันได้ปกติเหมือนคู่อื่นๆก็จะสูงขึ้นครับ
ในกรณีที่ต้องการมีบุตรแต่ไม่สามารถมีเซ็กส์ได้เนื่องจากจิ๋มล็อคไม่ให้เข้า แต่ยังพอที่จะสอดใส่วัสดุเล็กๆเข้าไปในช่องคลอดได้ ส่วนตัวแล้วผมมักแนะนำให้ฝ่ายชายเก็บน้ำเชื้อใส่ภาชนะปากกว้าง ทิ้งไว้ท่อุณหภูมห้องสัก 30 นาทีให้น้ำเชื้อละลาย จากนั้นใช้หลอดฉีดยาเล็กๆ (syringe) ดูดน้ำอสุจิแล้วฉีดเข้าไปในช่องคลอดฝ่ายหญิง นอนยกก้นสูงสัก 30 นาที วิธีนี้ก็สามารถแก้ไขปัญหามีบุตรยากจากภาวะ จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า ได้ง่ายๆวิธีหนึ่งครับ
ภาวะ “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออก” ใช่แต่จะเป็นแค่เรื่องขำไม่ออกของเซ็กส์พิศดารที่พบได้ไม่บ่อย แต่ภาวะ “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า ” ต่างหากที่เป็นสาเหตุทำให้มีลูกยากอันมีที่มาจากฝ่ายหญิงที่พบได้บ่อยกว่า แต่กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึง ดังนั้นหากตัวคุณหรือคนใกล้ตัวคุณกำลังมีปัญหานี้อยู่ คุณไม่แปลกหร่อกครับ จงอย่าอายที่จะมาปรึกษาแพทย์ เพราะขืนปล่อยไว้อาจส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิตคู่ของคุณได้ เพราะเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ จริงมั้ยล่ะครับ +++
ภาวะ “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋ออก” ใช่แต่จะเป็นแค่เรื่องขำไม่ออกของเซ็กส์พิศดารที่พบได้ไม่บ่อย แต่ภาวะ “จิ๋มล็อคไม่ให้จู๋เข้า ” ต่างหากที่เป็นสาเหตุทำให้มีลูกยากอันมีที่มาจากฝ่ายหญิงที่พบได้บ่อยกว่า แต่กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึง ดังนั้นหากตัวคุณหรือคนใกล้ตัวคุณกำลังมีปัญหานี้อยู่ คุณไม่แปลกหร่อกครับ จงอย่าอายที่จะมาปรึกษาแพทย์ เพราะขืนปล่อยไว้อาจส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิตคู่ของคุณได้ เพราะเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ จริงมั้ยล่ะครับ +++
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก
นพ.ปัญญา ศักดิ์สง่าวงษ์
สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!