เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมา ในเฟชบุ๊คของคุณ Siripoj Laomanacharoen ได้โพสต์วิจารณ์ ถึง เรื่องราวของ ชนกลุ่มน้อย โรฮิงญา ที่ กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ว่า
‘พลาดไปอ่านสเตตัสเกี่ยวกับ โรฮิงญา ของผู้รู้ (เหรออออออ?) บางคนแล้วปวดตับ ไต ไส้ กระเพาะ ม้าม เซี่ยงจี๊ และปอดมากๆเลยฮะ แต่ที่จริงจะเรียกว่าพลาดก็ไม่ได้ เพราะมีน้องนุ่งคนนึงส่งสเตตัสนี้มาให้อ่าน พร้อมตั้งคำถามกับผมว่าไอ้ประวัติศาสตร์ความแค้นระหว่างพม่ากับโรฮิงญา แบบที่ผู้รู้ท่านนั้นสำรากมาให้อ่านกันนั้นมันถูกต้องจริงหรือ? และก็บอกได้เลยว่าแม่งซี้ซั้วพูดแบบไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องอยู่บ้างเลยสักนิด...
ที่จริงผมไม่ได้มีความรู้เรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนข้ามชาติ ปัญหาเรื่องเรฟูจี ปัญหาการค้ามนุษย์ห่าจิกอะไรกับเขาจนพอจะเอามาโม้หรอกนะฮะ แต่ที่อดใจไม่ไหวต้องออกมาพล่ามเรื่องโรฮิงญากะเขาบ้าง เพราะสิ่งที่ผู้รู้ท่านนั้นได้สำรากจนมีคนแชร์ไปเป็นหลักพันนั้น เค้าเอาประวัติศาสตร์แบบบิดเบือนมาเพื่อความชอบธรรมให้กับความไร้มนุษยธรรมต่อโรฮิงญาครับ (ที่จริงผมว่าแม่งไม่ใช่แค่การบิดเบือนประวัติศาสตร์ด้วยเหอะ นี่มันเป็นการอุปโลกน์ประวัติศาสตร์ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายป้ายสีมนุษย์ตาดำๆ ที่แค่นี้เค้าก็ทรมานทรกรรมกันแทบชิบหายตายห่าอยู่แล้วเลยมากกว่า)
ดังนั้นผมจึงขออนุญาตเล่าถึงประวัติศาสตร์ของพวกโรฮิงญาซักหน่อย อย่าหาว่ารกฟีดเลยเนอะ แหะๆ
มักจะเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆว่า ชาวโรฮิงญาเพิ่งเข้ามาในพม่าพร้อมกับพวกอังกฤษเข้ามายึดเอาพม่าเป็นชาติอาณานิคม ยิ่งอีตาผู้รู้คนนั้นมโนไปไกลถึงขั้นว่า พวกอังกฤษใช้ชาวโรฮิงญา ร่วมกับหน่วยรบของทหารกูรข่าในการปล้นสดมภ์ราชบัลลังก์ที่เมืองมัณฑเลย์ จนทำให้ชาวพม่าจงเกลียดจงชังชาวโรฮิงญากันเหมือนที่คนไทยเคยเกลียดพม่า เพราะมโนไปเองว่าพม่ามาเผาเอาทองกรุงศรีอยุธยาไปสร้างเจดีย์ชเวดากองกันเลยทีเดียว
ปัญหาคือมันเป็นอย่างนั้นซะเมื่อไหร่กันวะ!! -*-
พม่าก็เหมือนไทยแลนด์แดนสยามประเทศของเรานี่แหละ ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ กลายเป็นรัฐแบบ modern state อย่างที่เห็นๆ และเข้าใจกันอยู่ทุกวันนี้ มันมีเส้นพรมแดนชัดๆที่ไหนกันล่ะครับ? สยามเพิ่งปักปันเขตแดนเสร็จสิ้นจน ปัตตานีแอนด์เดอะแก๊งค์ ล้านนา และอีสานอีกก้อนเบ้อเร้อ กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสยาม ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นชัดๆขนาดนี้มาก่อนเลยฉันใด พวกโรฮิงญาก็ถูกพม่ามุบมิบเอามาเป็นของตัวเองฉันนั้นนี่แหละ
แน่นอนฮะว่ามันไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็ได้มาเพราะยุคอาณานิคมคือๆกันนี่เอง พวกโรฮิงญาไม่เคยเป็นของพม่ามาก่อน คนกลุ่มนี้มีภาษาของตัวเองที่เรียกว่าภาษาโรฮิงญา (กูจะบอกทำไมวะเนี่ย ==) นับถือศาสนาอิสลาม และมีถิ่นฐานศูนย์กลางวัฒนธรรมของตัวเองอยู่แถบประเทศบังกลาเทศและรัฐอาระกัน (ระขึน, Rakhine หรือที่ในสมัยเก่าไทยเราเรียกว่า ยะไข่)
ดินแดนในแถบรัฐอาระกันนี่แหละฮะที่โดนพม่ารวบเข้าไป ชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในรัฐนี้เลยถูกฮุบเข้าไปด้วย อังกฤษยึดอินเดียทั้งอนุทวีปได้ตั้งแต่ปีมะโว้ จากนั้นรุกคืบเข้าไปในรัฐอิสระที่ชื่อว่าอาระกัน จนได้ครอบครองแบบเต็มสูบเมื่อปีราว พ.ศ. 2327-2328 ประมาณเดียวกับที่รัชกาลที่ 1 เพิ่งตั้งกรุงเทพฯ โน่นเลย
เฉียดๆจะสี่สิบปีต่อมาคือ พ.ศ. 2367 ปีที่พม่าถือว่าชาติของตนโดนเปิดบริสุทธิ์ เพราะต้องตกเป็นของเมืองขึ้นของอังกฤษโดยสมบูรณ์ คือปีที่เมืองมัณฑเลย์แตก ดังนั้นอาณาจักรที่คนไทยเรียกว่ายะไข่ แต่เดิมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกะพม่าหรอกนะฮะ เพราะโดนยึดมาสี่สิบปีแล้ว พม่าที่มัณฑเลย์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนราชสีห์อังกฤษข่มขืนเมืองน้องน้อยของตนเองเอาไปเป็นขี้ข้าอาณานิคมแต่อย่างใด เพราะถึงแม้อาระกันจะเคยถูกราชวงศ์คองบองที่มัณฑะเลย์ตีเมืองอาระกันแตก แต่เอาของคู่บ้านคู่เมืองชาวอาระกัน (หรือระขึน) อย่าง พระมหามัยมุนี และกลุ่มประติมากรรมสำริดของขอมที่ไปฉกมาจากอยุธยา ผ่านพม่าอีกทอด กลับไปไว้ที่เมืองมัณฑเลย์ สรุปง่ายๆว่าเป็นรัฐเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ขึ้นต่อกันในทางการเมืองการปกครองนั่นเอง
ตอนที่อังกฤษมาตีเมืองมัณฑเลย์ เค้าจะติดเอาพวกโรฮิงญามาด้วยรึเปล่านี่คงจะไม่มีใครกล้ายืนยันว่าไม่มีมาซักคนหรอกนะฮะ ในเมื่ออังกฤษเข้าไปปกครองดินแดนของพวกเขามาตั้งเกือบสี่สิบเลยนี่นะ แต่ผมอยากจะตั้งข้อสังเกตง่ายๆว่า ในอาระกันไม่ได้มีเฉพาะพวกโรฮิงญาอาศัยอยู่ ชนส่วนใหญ่ในนั้น ก็คือชาวอาระกัน (ก็แหงแหละ ดูชื่อรัฐซะเส่ะ!!) ที่นับถือศาสนาพุทธ และพูดภาษาในตระกูลเดียวกับภาษาพม่า แต่คนละสำเนียงนั่นเอง
ถ้าอังกฤษจะเอาพวกโรฮิงญามาเป็นทหาร มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เอาพวกอาระกันที่มีอยู่มากกว่ามาร่วมรบด้วยล่ะฮะ? และถ้าชี้วัดกันด้วยเหตุผลนี้แล้วทำไมชาวพม่าปัจจุบันไม่จงเกลียดจงชังพวกอาระกัน เหมือนกับพวกโรฮิงญา? ที่สำคัญพวกระขึน หรืออาระกันน่าจะไม่ชอบขี้หน้าพวกพม่าด้วยซ้ำนะฮะที่ไปปล้นพระมหามัยมุนีเค้ามา แต่จำเลยเสือกกลายไปเป็นชาวโรฮิงญาแม่งซะอย่างนั้น ==
ตอนที่อังกฤษมาปกครองอินเดียและพม่า พวกเค้าเหมารวมเอาอาระกันเป็น Greater India คืออินเดียส่วนนอก ที่บางทีก็เรียกว่า Burma Empire หรือจักรวรรดิพม่าเลยทีเดียว พอพม่าต่อต้านจักรวรรดิอังกฤษก็เหมารวมเอาดินแดนต่างๆที่เป็น Greater India นี่แหละฮะว่าเป็นของพม่าทั้งหมด ขี้ประยุทธ์มากๆฮะ (ขี้ตู่น่ะ อยากเล่นมุกแต่กลัวแป๊ก เลยต้องมีคำอธิบาย แหะๆ)
ใครที่สนใจประวัติศาสตร์พม่ายุคใหม่ คงจะรู้จักข้อตกลงปางหลวง ซึ่งชาวพม่า (นำโดยนายพลอองซาน พ่อบังเกิดเกล้าของอองซานซูจี) ซึ่งเป็นการทำความตกลงกันระหว่างคนหลายฝ่ายในดินแดนพม่าปัจจุบันนี่แหละ เช่น พม่า ไทใหญ่ ชิน คะฉิ่น ว่าพอได้รับเอกราชจากอังกฤษ จะปกครองเป็นสหภาพพม่า ที่ชนหลายกลุ่มที่ทำข้อตกลงจะได้ปกครองตนเอง
ปีต่อมาหลังการประชุมทำข้อตกลงปางหลวง พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2491 ภายใต้ชื่อ "สหภาพพม่า" จริงๆครับ แต่กลางปีนั้น นายพลอองซานก็ถูกบุกกราดยิงเสียชีวิตที่กลางรัฐสภาเลย หลังจากนั้นพม่าก็ปกครองแบบเผด็จการทหารเต็มขั้น (ไม่ต้องสืบเลยนะฮะว่าฝ่ายไหนยิง ==) ส่วนข้อตกลงปางหลวงก็ถูกปาลงพืนแล้วกระทืบซ้ำด้วยรองเท้าบู๊ตของพวกชุดลายพราง
ลองดูง่ายๆนะฮะ ทุกวันนี้ที่พวกไทใหญ่เค้าเรียกร้องความเป็นธรรมกันก็สืบเนื่องเรื่องนี้แหละ นั่นขนาดพวกนั้นมีทั้งพยานหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ทำเป็นข้อตกลงกันโจ่งครึ่มขนาดนั้น แถมยังมีจำนวนประชากรมากกว่าโรฮิงญายังโดนแบบนี้เลย คนกลุ่มกระจ้อยร่อยอย่างโรฮิงญานี่ไม่ต้องสงสัยเลยนะฮะว่าจะโดนอะไรบ้าง?
ปี พ.ศ.2505 นายพลเนวิน (คนละเนวินกับที่บุรีรัมย์นะฮะ) ทำ coup d'état ขึ้นมา หลังจากนั้นเฮียแกเร่งกระแสชาตินิยมด้วยการแพนพม่าโคตรๆเลยฮะ คนที่ไม่ได้มีเชื้อสายพม่านี่อย่าหวังว่าเป็นคนในแผ่นดินนั้นกันง่ายๆ พร้อมกันนั้นก็ถูกตัดสิทธิขั้นพื้นฐานไม่ให้เข้าถึง หรือทำอะไรได้เลยสักอย่างเดียว ทั้งที่จริงๆแล้ว ชาวโรฮิงญาต่างหากที่อยู่มาก่อนในพื้นที่อาระกัน ชาวพม่าเข้ามาทีหลังด้วยซ้ำไป
หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่มีคำว่า โรฮิงญา ระบุเอาไว้คือ บทความที่เขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2342 เรื่อง "A Comparative Vocabulary of some of the Languages Spoken in the Burma Empire" ที่เขียนขึ้นโดยนักฟิสิกส์ ที่มีถิ่นฐานอยู่ในสก๊อตแลนด์ แต่เคยไปทำงานด้านธรรมชาติวิทยาในอินเดียอย่าง Francis Buchanan-Hamilton (พ.ศ. 2305-2372) ดังข้อความที่ว่า
"ตอนนี้ผมจะเพิ่มเติมถึงอีกสามภาษาพูดที่ใช้กันในจักรวรรดิพม่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับมาจากภาษาในประเทศของพวกฮินดู (หมายถึง อินเดีย) ภาษาแรกพูดกันในกลุ่มของผู้นับถือในพระมะฮะหมัด ที่ตั้งถิ่นฐานมาอย่างยาวนานในอาระกัน คนพวกนี้เรียกตัวเองว่า Rooinga (รูอิงจา?) และเป็นชนพื้นเมืองของอาระกัน"
ถ้าเชื่อตามแฮมิลตัน ก็แปลง่ายๆว่า ชาวโรฮิงญาเริ่มเข้าไปตั้งถิ่นฐานในอาระกันมาตั้งแต่สมัยก่อนหน้าที่อังกฤษจะยึดอาระกันได้อีกนะครับ พวกพม่านี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มาได้สิทธิ์ครองอาระกันเพราะพวกอังกฤษนี่เองเหอะ
ปัญหาอย่างนึงที่เห็นชัดๆของพวกโรฮิงญาคือเค้าเป็นชนกลุ่มน้อย ของชนกลุ่มน้อยในพม่าอีกที ขนาดชนกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่ๆในพม่า อย่างพวกไทใหญ่ ที่มีการจัดการค่อนข้างเป็นระบบ ยังทำห่าอะไรรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าไม่ได้เลย โรฮิงญาเลยถูกบังคับให้ไม่สามารถเรียนหนังสือ ทำงานทำการ แต่งงานกับคนกลุ่มอื่น หรือเข้าถึงสาธารณูปโภคอะไรแบบใครปกติเค้าได้มาตั้งแต่ยุคของเนวิน แถมถูกปฏิบัติเหมือนหมูเหมือนหมา ผู้ชายกลายเป็นเครื่องเล่นบันดาลโทสะของพวกทหารและเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนผู้หญิงก็ถูกข่มขืนกันจนคนไทยในเมืองอย่างเราๆ นึกภาพที่โหดร้ายขนาดนั้นกันไม่ออกเลย เชื่อผมเหอะ
โดยสภาพการอย่างนี้จะไปหวังว่า ชาวโรฮิงญา จะเป็นแรงงานที่พอทำอะไรเป็นอย่างแรงงานชาติอื่นได้ยังไงล่ะฮะ ในเมื่อพวกเขาแทบจะไม่รู้จักเทคโนโลยีอะไรเลยด้วยซ้ำ?
แต่อย่านึกว่าหลังพ้นยุคเนวินแล้วอะไรจะดีขึ้นบ้างนะครับ ตั้งแต่รัฐบาลปฏิรูปของพม่าขึ้นมามีอำนาจเมื่อปี 2554 นี่ทำให้พวกโรฮิงญา ถูกบังคับให้ใช้สัญชาติ บังกลาเทศ ไม่ให้ใช้พม่า (พวกชนกลุ่มน้อยในพม่าอื่นๆ เช่น กูรข่า ก็ถูกบังคับให้ใช้สัญชาติ เนปาลี เป็นต้น) เลยเถอะครับ
อย่างที่ออกตัวไว้แต่ต้นว่าผมไม่ได้มีความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนอะไรมากพอจะให้คำแนะนำปัญหาเรื่องโรฮิงญาหรอกนะครับ ผมแค่สงสัยว่า โดยมนุษยธรรมแล้วเรายังต้องสงสัยกันอีกหรือว่าควรต้องทำอย่างไรบ้าง? ที่เขียนมาซะยาวขนาดนี้ก็เพราะทนไม่ได้ที่บางคนอุปโลกน์เรื่องบ้าอะไรไม่รู้ขึ้นมา แล้วบอกใครต่อใครว่ามันคือประวัติศาสตร์ ทั้งๆที่แม่งไม่จริงเลยสักนิด แต่ก็อย่างว่านะฮะ ในประเทศกรุงเทพห่าจิกนี่ คนดีแม่งไม่ค่อยมีมนุษยธรรมกันซักเท่าไหร่ ฮ่วยยย!!'