บริษัทมาสเตอร์การ์ด เผยผลการศึกษาด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2015 หัวข้อเดอะ โกลบอล เดสติเนชั่น ซิตี้ส์ อินเด็กซ์ ( the Global Destination Cities Index ) ซึ่งเป็นการศึกษาว่า ปีนี้ นักท่องเที่ยวจะเดินทางไปที่เมืองไหนมากที่สุด จาก 132 เมืองทั่วโลก โดยกรุงลอนดอน ของประเทศอังกฤษ คว้าอันดับ 1 ไปครอง เป็นปีที่ 2 ขณะที่ กรุงเทพฯ ของประเทศไทย คว้าอันดับ 2 หลังหล่นจากอันดับ 1 ไปตั้งแต่ปี 2013 เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง แต่จากรายงานชี้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ในกรุงเทพฯ เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวแล้ว
ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนลอนดอน 18,820,000 คน ส่วนกรุงเทพฯ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือน 18,240,000 คน ซึ่งตัวเลขไม่ห่างกันมากนัก
ขณะที่ เมืองที่ติดอันดับ 3 คือ กรุงปารีส ของฝรั่งเศส ตามมาด้วย นครดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อิสตันบูล ของตุรกี, นิวยอร์ก ของสหรัฐฯ , สิงคโปร์ , กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย, กรุงโซล ของเกาหลีใต้ และฮ่องกง
สำหรับลอนดอนและกรุงเทพฯ นับเป็น 2 จุดหมายปลายทางยอดฮิต ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของนักท่องเที่ยว ในการศึกษาของมาสเตอร์การ์ด มาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ของมาสเตอร์การ์ดระบุว่า ทั้ง 2 เมืองนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารและวัฒนธรรม ความโดดเด่นและมรดกทางวัฒนธรรม ตั้งแต่วัดวาอาราม ไปจนถึงพระราชวังในกรุงเทพฯ หรือโบสถ์และพระราชวัง ในกรุงลอนดอน คือสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น ผลการศึกษายังระบุว่า ปีนี้ นักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายเงินในลอนดอน ถึง 20,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ นครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ตามมาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 17,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกรุงปารีส ของฝรั่งเศสอยู่ที่ 16,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนกรุงเทพฯ ติดอันดับ 7 อยู่ที่ 12,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ