Singularity is Near โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! มนุษย์จะกลายเป็นอมตะ ?

Singularity is Near โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! มนุษย์จะกลายเป็นอมตะ ?

“ภายในปี 2045 มนุษย์จะสามารถอัปโหลดข้อมูลจากสมองไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ และอีก 90 ปีข้างหน้า มนุษย์จะเชื่อมต่อเครื่องจักรเข้ากับร่างกายคนเราได้จริงๆ ซึ่งอาจจะทำให้มนุษย์เป็นอมตะ…สิ่งเหล่านี้ชี้ชัดว่า ‘ซิงกูลาริตี้’ ใกล้เข้ามาแล้ว”

ในแง่ภาพยนตร์ The Singularity is Near (2010) ไม่ได้มีชั้นเชิงใดๆ เลย แต่ในแง่เนื้อหาแล้ว นี่คือสารคดีที่ไม่อาจจะมองข้ามได้ เพราะมันกำลังจะทำนายโลกในยุคหน้า ซึ่งแม้ว่าอาจจะฟังดูเว่อร์วังยังกับพล็อตหนังวิทยาศาสตร์ ทว่าสารคดีเรื่องนี้ทะลักล้นด้วยข้อมูลหนักแน่นน่าเชื่อถือ เพราะนอกจากจะมาจากหนังสือชื่อเดียวกันแล้ว ตัวผู้เขียนเองยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมกำกับสารคดีเรื่องนี้ด้วย และเขาคือผู้ที่ประกาศคำทำนายในย่อหน้าแรกกลางที่ประชุมงานวิจัย Global Futures 2045 International Congress เมื่อปี 2013 เป็นคำทำนายที่ผู้คนทั่วโลกต้องฟัง เพราะมันถูกเอ่ยอ้างจากปากคำของ เรย์มอนด์ เคิร์ซวีล


Singularity is Near โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! มนุษย์จะกลายเป็นอมตะ ?

เรย์มอนด์ เคิร์ซวีล

เคิร์ซวีล นอกจากจะเป็นนักเขียนชาวอเมริกันแล้ว เขายังเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์, นักอนาคตศาสตร์, นักประดิษฐ์นวัตกรรม หลายต่อหลายอย่างที่เขาคิดค้นนั้นเป็นสิ่งที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน อาทิ เครื่องอ่านหนังสือสำหรับคนตาบอด, เครื่องช่วยฟังสำหรับคนหูหนวก, เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิก คีย์บอร์ดซินธิไซเซอร์, และมีส่วนในการประดิษฐ์โซลาร์เซล กับหุ่นยนต์ AI ฯลฯ รวมถึงปัจจุบันเขายังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของกูเกิลอีกด้วย


Singularity is Near โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! มนุษย์จะกลายเป็นอมตะ ?

ในอนาคตคอมพิวเตอร์จะอยู่ในกระแสเลือด ฝังในสมอง หรือสมองอาจจะกลายเป็นจักรกล

 

ไม่เพียงเท่านั้น เขาเคยได้รับปริญญาบัณฑิตกิตติมศักดิ์มากว่า 20 ใบ และเคยคว้ารางวัลทางวิทยาศาสตร์หลายสาขา อาทิ รางวัลเหรียญทองแห่งชาติด้านเทคโนโลยี อันเป็นรางวัลสูงสุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ มอบให้กับผู้บุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ๆ ในปี 1999, รางวัล อาเธอร์ ซี คลาร์ก ด้านการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ สาขาผู้ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ เมื่อปี 2009, รางวัลด้านวิสัยทัศน์ ซิลิคอน วัลเลย์ เมื่อปี 2014 ฯลฯ

นิตยสารฟอร์บส์ ยกย่องเขาว่าเป็น “สุดยอดเครื่องจักรนักคิด” หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล เรียกเขาว่า “จอมอัจฉริยะผู้ไม่เคยหลับใหล” และ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ยกย่องว่า “เขาคือผู้ทำนายอนาคตคนสำคัญที่สุดของโลก” เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า ซึ่งเกิดขึ้นจริงมาแล้วมากมาย อาทิ การล่มสลายของสหภาพโซเวียต หรือการทำนายว่าอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า The Singularity is Near ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหรือล้อเล่นเลย โดยเฉพาะเมื่อหนังเปิดฉากด้วยประโยคสุดท้าทายของเขาว่า

“นี่คือเรื่องราวของชะตากรรมแห่งมนุษย์จักรกลในโลกอารยะ ชะตากรรมที่เรากล่าวอ้างถึงนี้คือ…ซิงกูลาริตี้”

ว่าแต่ “ซิงกูลาริตี้” คืออะไร?

“ซิงกูลาริตี้ คือยุคแห่งอนาคต ซึ่งเทคโนโลยีจะก้าวกระโดดอย่างเร่งรีบรวดเร็ว และมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการเปลี่ยนแปลงการดำรงชีวิตของมนุษยชาติในปัจจุบันไปอย่างสิ้นเชิง” เคิร์ซวีลเกริ่นนำ พร้อมกับคลิปอีกมากมายที่เขาเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ เช่น “เป็นยุคที่เราจะแยกไม่ออกเลยว่าคนไหนคือหุ่นยนต์ คนไหนคือมนุษย์จริงๆ”, “คอมพิวเตอร์จะไม่ใช่แค่เล็กๆ ยัดใส่กระเป๋าได้เท่านั้น แต่มันจะถูกฝังกลายเป็นส่วนหนึ่งภายในร่างกาย หรืออยู่ภายในสมองของเราเลย มนุษย์จะกลายเป็นชีวภาพไฮบริด และชีวะ-จักรกล ฉลาดล้ำแบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ” ฯลฯ

โดยเขาระบุเพิ่มเติมว่า “ย้อนกลับไปเมื่อห้าร้อยปีก่อนในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีไม่ได้พัฒนาอะไรมากนัก แต่เดี๋ยวนี้มันกลับก้าวกระโดดภายในเวลาแค่เพียงครึ่งปี ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะเร็วขึ้นและเร็วขึ้น มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมและภายในร่างกายมนุษย์ สิ่งเหล่านี้แหละคือ ซิงกูลาริตี้ (ในทางฟิสิกส์เรียกว่าภาวะเอกฐาน หรือเอกภาวะ)


Singularity is Near โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! มนุษย์จะกลายเป็นอมตะ ?

ปัจจุบันร่างกายคนเราสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้แล้วจริงๆ

“บางครั้งผู้คนหวาดกลัวต่ออนาคต โดยเฉพาะเมื่อเราถกเถียงกันว่าโลกยุคหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แน่นอนว่ามันฟังดูน่าตระหนกตกใจ ไปสู่จินตนาการมากมายว่าโลกจะกลายเป็นสังคมเลวร้ายแบบนิยายดิสโทเปีย แต่ในความเป็นจริงแล้วในอดีตที่ผ่านมา ก็ยืนยันด้วยว่าเทคโนโลยีมีส่วนช่วยอำนวยประโยชน์มหาศาลแก่มนุษย์ ในการจะเอาชนะอุปสรรคนานัปการด้วยเช่นกัน” สิ่งที่เคิร์ซวีลบอกนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์อเนกอนันต์ของเทคโนโลยี นับตั้งแต่มนุษย์มีเครื่องจักรไอน้ำ, ไฟฟ้า, คอมพิวเตอร์ หรือวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

“ในอนาคตอันใกล้ เรากำลังจะมีเทคโนโลยีที่พลิกโฉมวงการแพทย์ อันมีประสิทธิภาพเลิศเป็นพันเท่าของทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นล้านเท่าของสองทศวรรษก่อนหน้านั้นคอมพิวเตอร์ในสมาร์ทโฟนของคุณตอนนี้ มันหดเล็กลงและราคาถูกกว่าตอนแรกสร้างขึ้นถึงล้านเท่า ทั้งยังอเนกประสงค์ กะทัดรัด และทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิมเป็นพันเท่า ในอนาคตมันจะไปถึงจุดที่จะเล็กจิ๋วจนมีขนาดเท่าเกล็ดเลือด”


Singularity is Near โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! มนุษย์จะกลายเป็นอมตะ ?

เราสามารถแปลงโฉมมนุษย์ได้แล้ว

ซึ่งความเป็นไปได้ที่เคิร์ซวีลบอกนี้มาจาก “ความยิ่งใหญ่ทางการปฎิวัติวงการเทคโนโลยีในปัจจุบัน 3 สิ่งที่เรียกว่า GNR จี คือ เทคโนโลยีทางชีวภาพ (Genetics) หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการจะป้องกันมนุษย์จากการป่วยไข้และแก่ตัว, เอ็น คือ นาโนเทคโนโลยี ซึ่งในอีก 25 ปีข้างหน้า เมื่อคอมพิวเตอร์เล็กจิ๋วเท่าเกล็ดเลือดแล้ว มันจะถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อบำรุงสุขภาพจากภายในได้อย่างง่ายดาย รวมถึงจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้อีกด้วย, ส่วน อาร์ ก็คือ Robotics หรือเราจะมีหุ่นยนต์ AI ใช้กันจริงๆ ภายในปี 2029 แล้วหลังจากนั้นสมองคนเราจะกลายเป็นจักรกลซึ่งจะทำให้คนเราไม่ป่วย ไม่แก่ ไม่ตายอีกต่อไป”

นอกจากนี้ ยังมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอีกหลายสาขา อาทิ ทอม เอเบท นักวิจัยจากสแตนฟอร์ดว่า “ซิงกูลาริตี้ คือจุดที่เครื่องจักรจะสามารถแก้ไขซ่อมแซมและพัฒนาตัวมันเองได้ จนถึงระดับซูเปอร์อัจฉริยะมากขึ้นกว่าปัจจุบัน”, โรเบิร์ต เม็ตคาลเฟ นักนวัตกรรมทางเทคโนโลยีว่า “ซิงกูลาริตี้ เป็นศัพท์ทางคณิตศาสตร์ คือการคำนวณจุดที่ทุกสิ่งไปถึงภาวะวิกฤติที่ไม่อาจจะยับยั้งหรือหวนคืนได้”, เบน เกิร์ตเซล นักวิศวกรรม AI ว่า “ซิงกูลาริตี้ในทางฟิสิกส์คือปรากฏการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”, เควิน เคลลี ผู้ก่อตั้งนิตยสาร Wired ว่า “ส่วนหนึ่งของซิงกูลาริตี้เป็นมายาคติด้วย มันคือภาพในอุดมคติที่เราคิดว่าจะเป็นจริงได้ในอนาคต”, แต่หนึ่งในนิยามเหล่านั้นที่ดูจะเป็นภาพฝันที่คนเราต้องการ คือ “การมาถึงของซูปเปอร์ AI ที่สามารถแก้ไขวิกฤติปัญหาใหญ่ๆ ได้ง่ายๆ ภายในชั่วพริบตา”


Singularity is Near โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! มนุษย์จะกลายเป็นอมตะ ?

สิ่งที่เคยเป็นเพียงภาพเวอร์ชวลเรียลิตี้ อาจจะกลายเป็นจริงที่เราแยกไม่ออกเลยว่าคนไหนไม่ใช่มนุษย์

อย่างไรก็ตาม หากดูจนจบจะพบว่าหนังนำเสนอแต่ในด้านดีเท่านั้น ขณะที่ล่าสุดเมื่อปลายปี 2014 ที่ผ่านมานี้เอง สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และอีลอน มุสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทขนส่งทางอวกาศ Space X และบริษัทผลิตรถล้ำยุค Tesla ได้ออกมาแสดงความกังวลว่า “AI อาจจะเป็นจุดจบของมวลมนุษยชาติ เพราะอันตรายของมันคือความสามารถในการวิวัฒนาการตนเองได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอนาคต”

ไม่ว่าสิ่งที่เคิร์ซวีลทำนายไว้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เขาก็ได้ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า “มนุษย์มีแนวคิดมากมายทางศาสนา เกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ หรือการฟื้นคืนชีพ แต่สิ่งเดียวที่มีศักยภาพในการจะทำให้แนวคิดดังกล่าวเป็นจริงได้ คือ เทคโนโลยี ซึ่งเราอยู่ในช่วงเวลาที่โลกกำลังจะไปสู่เป้าหมายนั้นแล้ว เราพัฒนาขีดความสามารถให้เป็นแบบเดียวกับพระเจ้า คือสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ตามใจนึก ได้อย่างสะดวกง่ายดายภายในพริบตา”

โปรดติดตามต่อไปในอีก 90 ปีข้างหน้า…ถ้าคุณยังไม่ตาย!



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์