ทื่อๆ บ้างก็ได้
[ถาม]: ยุคนี้เขาฮิตการไปพูดสร้างแรงบันดาลใจ ทำไมเราไม่ค่อยเห็นคุณไปพูดไปบรรยายเรื่องพวกนี้บ้างเลย
[ตอบ]: เออ ชอบคำถามนี้นะ เพราะคิดเหมือนกันว่าประเทศนี้แรงบันดาลใจมันเยอะเกินไปแล้วว่ะ สังคมไทยตอนนี้มันเต็มไปด้วยคำคมกับแรงบันดาลใจ ซึ่งของที่มันเยอะเกินไปมากๆ มันก็เป็นขยะได้ไง ซึ่งสิ่งที่เราต้องการก็คือ อยากให้คนลุกขึ้นมาทำอย่างที่ตัวเองคิด ไม่ใช่นั่งหาแรงบันดาลใจกันอยู่นั่นแหละ…
ทั้งที่ประเทศเรามีแรงบันดาลใจเยอะมาก…แต่ก็ไม่เห็นผลงานที่มันปี๊ดออกมาเลย สองปีมานี้รู้สึกตลกไหมที่เราไม่มีเพลงใหม่ๆ จะฟังกัน มันไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราจะรู้ว่าเดี๋ยวเดือนหน้าเราก็จะได้ฟังอัลบั้มใหม่ๆ มันยังมีความสร้างสรรค์อะไรบ้าง มีความเคลื่อนไหวดีๆ ให้เห็น มันไม่มีเลย มันเหี่ยวเฉามากเลย…
แล้วไหนจะคำคมอีก มันเยอะมากจนรู้สึกว่าตอนนี้มีใครไม่คมบ้างวะ…แทนที่จะเอาเวลาไปคิดคำคมนั้น มึงก็เอาเวลาไปใช้ชีวิตของมึงนั่นแหละ ไปทำอะไรที่มันทื่อๆ บ้างก็ได้…เหมือนเป็นกองหน้าทีมฟุตบอลก็ต้องก้มหน้าก้มตายิงไปก่อนเลย ยังไม่ต้องไซด์โค้งเหมือนเบ็กแฮมหรอก ยิงไปเถอะ ไม่ต้องง้าง กูว่าประเทศกูง้างมาพอละ
– อุดม แต้พานิช
a day bulletin issue 363, 6-12 July 2015
—–
ผมเป็นคนที่ชอบคำคมเป็นชีวิตจิตใจ
จำได้ว่าตั้งแต่สมัยวัยรุ่น พออ่านเจอคำคมอะไรก็จะจดเก็บไว้หรือเขียนเป็นตัวใหญ่ๆ แปะตามฝาผนังในห้องนอน
ในบล็อก anontawong.com หลายต่อหลายครั้งผมก็เอาคำคมดังๆ มาเป็นจุดเริ่มต้นในการเขียนบทความ
ถึงจะโปรดปรานคำคมมากแค่ไหน แต่ผมก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่โน้ส อุดม แต้พานิชให้สัมภาษณ์ไว้ใน a day bulletin นะครับ ว่าตอนนี้เราชักจะมีคำคมและแรงบ้นดาลใจกันเยอะไปหน่อยแล้วรึเปล่า
(เมื่อไม่กี่เดือนก่อน พี่โน๊สออกมาจิกกัดเรื่องชีวิต Slow Life จนกลายเป็นประเด็นฮอตในสังคมออนไลน์ ผมก็หวังว่าการที่ผมเอาเรื่องที่พี่โน๊สจิกกัดเรื่องคำคมและแรงบันดาลใจขึ้นมาเขียนในบล็อกนี้จะไม่ทำให้พี่โน๊สโดนก้อนอิฐนะครับ)
ผมคิดว่าประเด็นที่พี่โน๊สอยากบอก คือคุณควรจะลงมือทำ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดความคิดเจ๋งมากๆ ก็ได้
เพราะถ้ามัวแต่รอจังหวะนั้น พวกเราก็คงต้อง “ง้าง” ต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด
เราทุกคนมีไอเดียดีๆ ที่พร้อมจะปล่อยออกมาอยู่แล้ว แต่เราอาจกังวลว่าสิ่งที่เราคิดยังไม่ดีพอ ไม่คมพอ ไม่เท่พอ สุดท้ายก็เลยเก็บมันเอาไว้คนเดียว หรือทำอย่างมากก็แค่แชร์ความคิดลงในเฟซบุ๊คให้มีคนกดไลค์นิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ปล่อยให้มันหายไปกับกาลเวลา
ผมนึกถึง “คำคม” ของโทมัส เอดิสัน ผู้คิดค้นหลอดไฟให้คนได้ใช้กันทั้งโลกว่า “Genius is one percent inspiration and 99 percent perspiration” – อัจฉริยะ คือ แรงบันดาลใจ 1 เปอร์เซ็นต์ และหยาดเหงื่อแรงกาย 99 เปอร์เซ็นต์
และอีก “คำคม” หนึ่งจากจิตกรและช่างภาพอย่าง Chuck Close “Inspiration is for amateurs — the rest of us just show up and get to work” – แรงบันดาลใจมีไว้สำหรับมือสมัครเล่นเท่านั้น ส่วน(มืออาชีพอย่าง)พวกเราก็แค่มารายงานตัว*แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานไป
คำคมและแรงบันดาลใจต่างๆ ถ้าแค่อ่านแล้วกดไลค์ ก็แทบไม่มีคุณค่าอันใด
ผลงานที่เราสร้างสรรค์และจับต้องได้ต่างหากที่มีความหมาย ต่อให้มันเป็นผลงานที่อาจจะดูทื่อๆ ไม่สมบูรณ์หรือไม่เท่อะไรมากนัก แต่มันก็อาจสร้างประโยชน์ได้มากกว่าโวหารอันว่างเปล่านะครับ
ขอบคุณภาพจาก Wikimedia
ขอบคุณคำสัมภาษณ์คุณโน๊ส อุดมจาก a day bulletin
* คำว่า show up เป็นคำที่แปลยากมาก จริงๆ แปลว่า “มาปรากฎตัว” หรือ “มาแสดงตัว” ก็ได้ แต่อาจจะไม่ค่อยเข้ากับบริบทของประโยคนี้เท่าไหร่
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ http://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก Show First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว