........................................................................................................
" หลวงพ่อครับ....จะให้ผมมาปูพื้นกระเบื้องที่ฐานเจดีย์นี่เมื่อไหร่ครับ ? "
ชายแต่งตัวมอซอ เสื้อผ้าเก่า เหมือนคนงานก่อสร้าง มีอุปกรณ์ทำงานบางชิ้นถืออยู่ในมือและวางไว้ข้างกาย...เหงื่อไหลโทรมจนคอเสื้อและแผ่นหลังชื้นไปด้วยน้ำ
เขายกมือไหว้ถามหลวงพ่อที่ข้างๆเจดีย์จีน
" แล้วแต่โยมสะดวกนะ...เร็วหน่อยก็ยิ่งดี เพราะใกล้หน้าฝนเข้ามาทุกที...สงสารชาวบ้านแถวนี้เวลาจะมาทำบุญก็เดินลำบากนัก "
หลวงพ่อพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
"ครับๆหลวงพ่อ....พรุ่งนี้ผมจะรีบจัดการให้เลยนะครับ "
ชายดังกล่าวยกมือไหว้หลวงพ่ออีกครั้ง
...........ภาพในสมองตัดไปที่รั้วริมโบสถ์อีกภาพหนึ่ง..............
วิญญาณของอมรศรีที่ตายไปแล้วได้ยินที่หลวงพ่อคุยกับชายคนนี้ถนัดหู
เธอใจหายวาบ
" ใต้ฐานเจดีย์มีผ้าห่อสร้อยข้อมือของเอมอร !!!!! " เธอรำพึง"
อมรศรีวิ่งออกจากโบสถ์ไปที่ฐานเจดีย์จีนองค์นั้นอย่างเร็วที่สุด
พระกับคนงานเดินลับหายไปแล้ว
เธอทรุดตัวนั่งที่ข้างฐานเจดีย์ รีบใช้มือปัดหญ้าบนหน้าดิน....ลุกขึ้นไปหักกิ่งไม้บริเวณนั้น แล้ววิ่งมาขุดดินตรงที่ซ่อนห่อผ้าอย่างรีบร้อน.... สองมือของเธอพุ้ยดินสลับกับใช้กิ่งไม้ด้วยความรวดเร็ว
ผมสั้นของเธอสะบัดพลิ้วไปมา ลำตัวโยกขึ้นลงตามจังหวะที่ขุด ดูไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด
ชายผ้าฝ้ายที่ดูเก่า สีคล้ำไปด้วยดินโผล่ขึ้นมา
เธอทิ้งไม้ ใช้สองมือแหวกดินด้วยความรีบร้อนค่อยๆใช้มือแซะดินรอบห่อผ้า หยิบมาไว้ในอุ้งมือ
ผ้าห่อสร้อยข้อมือที่ร้อยด้วยลูกปัดโนราห์ของเอมอรอยู่ในมือเธอแล้ว
เธอยืนหันรีหันขวาง มองซ้ายมองขวา เพื่อหาที่ซ่อนห่อผ้าที่ใหม่
ต้นโพธิ์ตรงริมสนามฝั่งตะวันตกนั่น...ดีที่สุด!!!!!
อมรศรีรีบวิ่งตัดสนามหญ้าไปที่ใต้ต้นโพธิ์ต้นนั้นทันที
เธอนั่งลง วางห่อผ้าไว้ข้างตัว ใช้กิ่งไม้ขุดดินที่ใต้ต้นโพธิ์อีกครั้งทันที
เธอก้มลงขุดดินอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ดูเธอเร่งรีบเหลือเกิน
ก้มๆเงยๆอยู่ครู่ใหญ่ก็ขุดหลุมได้อย่างที่ใจต้องการ
เธอหยิบห่อผ้าหย่อนลงหลุมรีบกอบดินที่ขุดขึ้นมากลบทับลงไปเหมือนจะให้เสร็จในทันที
"...สร้อยของเอมอรต้องไม่ถูกฝังไว้ที่นั่น..."
เธอพูดไปพร้อมมือที่กลบดินไม่ขาดระยะ...ลุกลี้ลุกลนที่สุด
อรวรรณสะดุ้งขึ้นจากภาพที่เห็นในสมองทั้งมวลภาพทุกภาพเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์
มันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นานแล้ว
เธอลืมตาขึ้นจากไหว้พระ หลวงพ่อที่ก้มกราบหายไป!!!!!!!!!
" สิ่งศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาจะช่วยให้เธอค้นพบ"
เสียงอมรศรีแว่วในสมองของอรวรรณอีกครั้ง
อรวรรณลุกขึ้น วิ่งออกจากหน้าโบสถ์ที่กำลังไหว้หลวงพ่อ...ตรงดิ่งไปที่เจดีย์ จีน 7 ชั้นทันที
พ่อ แม่ และน้องรีบสาวเท้าตามเธอมา
พ่อตามมาถึงเจดีย์ ยื่นมือไปหยิบสร้อยคอหลวงพ่อทวดไว้ในกำมือ ยกมือไหว้แล้วหย่อนลงใส่กระเป๋าเสื้อ
อรวรรณยืนตรงหน้าเจดีย์ กวาดตามองรอบทิศ....ภาพไปสะดุดตรงต้นโพธิ์เลยสนามหญ้าฝั่งตรงข้ามเจดีย์
มองเห็นภาพของเด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งพุ้ยดินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นอย่างร้อนรน.....อมรศรีอยู่ที่นั่นเอง
อรวรรณวิ่งตัดสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว.....ตรงดิ่งไปที่อมรศรี.....แต่ละก้าวที่วิ่งรู้สึกช้าเหลือเกิน
....เธอทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าอมรศรี....
อมรศรีไม่รู้ว่าเอมอรเพื่อนรักในชาติก่อนที่กลายมาเป็นอรวรรณในชาตินี้อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
สองมือของวิญญาณเด็กสาวในอดีตกำลังกลบดินด้วยความรีบเร่ง
ถูกอีกสองมือนุ่มๆที่มีจิตวิญาณและตัวตนจริงๆในชาตินี้คว้าไว้...แล้วกุมแน่น
มือทั้งสองคู่ที่อยู่กันคนละภพ คนละมิติ....จากอดีตชาติสู่ปัจจุบัน...เกาะกุมสัมผัสเชื่อมต่อกันในเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน....จากเพื่อนที่รักกันมายาวนานนับศตวรรษ
วินาทีมาบรรจบกันราวกับประตูของกาลเวลาทั้งสองภพได้ถูกเปิดออกในทันที...!!!!!!!!
อมรศรีสะดุ้ง....เธอเงยหน้าขึ้นมาปะทะหน้าของอรวรรณ
ตาคมเข้มลึก ดูมีประกายของเด็กสาวชาวใต้แท้ จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเพื่อนรักที่รอคอยมานานเหลือเกิน
น้ำใสๆเอ่อเต็มขอบดวงตาของทั้งสองคนหยดลงแก้มอย่างรวดเร็ว
" .......เอมอร..........."
อมรศรีตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนมีสิ่งใดจุกอยู่ที่คอ
ทั้งสองโผกอดกันแน่น.....ทำนบน้ำตาไหลจนเหมือนฝนใต้กระหน่ำ
ท้องฟ้าครึ้ม เมฆบดบังแสงอาทิตย์....นกพิราบที่หลังคาโบสถ์ทั้งฝูงบินว่อน
ลมแรงพัดปลายยอดมะม่วงและต้นไม้สูงในวัดโอนเอนไปมา
ปอยผมของเด็กทั้งสองคนปลิวไสวตามสายลม
"อมรศรี ฉันขอบใจเธอมากนะ...ฉันขอบใจเธอจริงๆ..." อรวรรณพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาอาบใบหน้า
...........................................................................................................
เมื่อลมสงบ...เด็กทั้งสองผละออกจากกัน...รีบช่วยกันลงมือขุดดินที่เพิ่งกลบไปขึ้นมาอีกครั้ง
มือทั้งสองคู่กอบดินขึ้นมากองไว้ข้างๆโดยไม่รู้ตัว ว่าพ่อ แม่ และน้องที่เดินตามมายืนดูอยู่ห่างๆ
ต่างตะลึงในภาพที่เห็น
ลูกสาวอยู่กับเพื่อนที่จู่ๆก็โผล่มาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่ทันได้สังเกต
ทุกคนได้เห็นเพื่อนที่รักต่างภพของอรวรรณแล้ว
ห่อผ้าที่เก็บสร้อยข้อมือมานานหลายปีถูกอมรศรียัดใส่มือของอรวรรณ
อรวรรณค่อยๆคลี่ผ้าสีคล้ำดินที่เก่าจนเปื่อยออก
ลูกปัดที่ใช้ร้อยเป็นชุดโนราห์ของภาคใต้หลายเม็ด ถูกร้อยเรียงสลับกันเป็นสร้อยข้อมือหลวมๆอยู่ในเส้นเดียวกัน.....มีทั้งสีน้ำเงิน แดง เหลือง เขียว ฟ้า ขาว และส้ม
แม้สีของลูกปัดจะซีดไปแล้ว หลายเม็ดมีรอยฝุ่นดินเกาะจนหมองหรือคล้ำดำไปบ้าง แต่ยังคงมีเอกลักษณ์เป็นลูกปัดชุดโนราห์อยู่เช่นเดิม
อมรศรีค่อยๆถอดแหวนที่นิ้วมือของเธอออกมา....มันคือแหวนนะโมซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังผ่านการปลุกเสกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งยื่นให้อรวรรณอีกชิ้นหนึ่ง
" เอมอร....นี่เป็นแหวนที่ฉันรักที่สุด...ฉันใส่แหวนนะโมวงนี้ติดตัวไม่เคยถอดออกจากนิ้วของฉันเลย
ถ้าเธอพบบัวคลี่...ฝากไปให้ด้วยนะ...บอกเธอว่าพี่สาวคนนี้ไม่เคยลืมน้องได้เลย"
น้ำตาของอมรศรีได้ไหลออกมาอีกครั้ง.
"ไปได้แล้วนะ....เดี๋ยวไม่ทันขบวนรถไฟ....." อมรศรีกุมมืออรวรรณแล้วดึงอรวรรณให้ลุกขึ้น
อรวรรณกำห่อผ้าแน่น ก้าวเท้าเดินรี่ไปที่ครอบครัว ก้มลงหยิบกรอบรูปที่มือของแม่ขึ้นมา....
มองดูเพื่อนๆทั้ง 10 คนในรูปอีกครั้ง
" พี่อร...นั่นเพื่อนพี่อรเหรอ? " น้องชายชี้มือไปที่ใต้ต้นโพธิ์ที่อมรศรียืนอยู่
อรวรรณหันกลับไปอีกครั้ง
อมรศรีและเพื่อนๆอีก7 คนที่เสียชีวิตไปแล้วในวัยที่แตกต่างกันกำลังมองมาที่อรวรรณ
........................................................................................................
ภาพอีกภาพหนึ่งที่ซ้อนทาบเข้ามา
เด็กสาวที่มีวัยไล่เลี่ยกันทั้ง 8 คนยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนในรูปถ่ายเมื่อปี 2470
ขาดไปเพียง 2 คน คือบัวคลี่ และเอมอร
รอยยิ้มของทุกคนที่มีให้เอมอรดูอบอุ่นและดีใจยิ่งนัก
" กลับไปหาเค้านะ เค้าจะช่วยเธอ " เสียงอมรศรีลอยมากระซิบที่ข้างหู
เธอยิ้มด้วยท่าทีปริศนาอีกครั้ง
(จบตอน 6 )