มาแล้ว!! เรื่องราว ข้ามภพ ข้ามชาติ ของเธอคนนี้ ตอนที่ 6 ที่ทุกคนรอคอย!!!


ความเดิมตอนที่ 1- 5 


ตอน 6 ......พบ...ภพ ( ภาค1 )
"อมรศรี เธอโกหกฉันรึเปล่า? บอกมาซิว่าบัวคลี่ยังไม่ตายจริงๆ"
อวรรณจับมืออมรศรีเขย่าแรง.พูดเสียงดังจนแม่ที่นอนอยู่ข้างๆสะดุ้งนิดหนึ่ง
แม่พลิกตัวตะแคงหันหลังกลับไปนอนเงียบอีกครั้ง
ทั้งสองหันมามองแม่ เมื่อเห็นว่าแม่เงียบไปแล้ว อรวรรณลดเสียงลงจนเกือบกระซิบถามย้ำอมรศรีอีกครั้ง
"เธอรู้ได้ยังไงว่าบัวคลี่ยังมีชีวิตอยู่ ? "
"รู้สิเพราะหลังจากที่บัวคลี่เดินออกจากวัดไปในวันนั้นไม่กี่ปี ฉันได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่บัวคลี่ส่งมาให้ฉันเสมอ"
อมรศรีพูดชัดถ้อยชัดคำ
"บัวคลี่ต้องรู้ว่าฉันตาย...จึงตักบาตรทำบุญมาให้ฉันบ่อยๆ นั่นหมายความว่าบัวคลี่ยังมีชีวิตอยู่
ส่วนคนอื่นตายกันไปเมื่อตอนที่อายุมากแล้ว
ฉันรู้ว่าวันหนึ่งเธอต้องกลับมา จิตของเธอก็ยังผูกพันอยู่กับบัวคลี่และพวกเรา ฉันจึงไปไหนไม่ได้
ฉันรอเธอมานานหลายปีเพื่อที่จะบอกให้เธอทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับบัวคลี่

อรวรรณมองหน้าอมรศรีอย่างประหลาดใจ
"เธอสัญญาว่าจะเป็นคนสอนรำโนราห์ให้บัวคลี่หลังจากเธอได้ครอบครูแล้วจำได้มั้ย ?"
อรวรรณผงกหน้าช้าๆ
" เธอต้องไปตามบัวคลี่ ตอนนี้บัวคลี่อายุมากแล้ว เธอมีเวลาไม่มากนักนะเอมอร
พรุ่งนี้ไปเอาสร้อยข้อมือที่บัวคลี่ฝังไว้ที่ใต้ฐาน"
อมรศรีหยุดพูดไปนิดหนึ่ง
" ที่ใกล้ฐานเจดีย์จีน7ชั้นที่วัดกลางนะ" อมรศรียิ้ม
"ศรัทธาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นนะ ที่จะช่วยให้เธอค้นพบ"

อมรศรีลุกขึ้นเดินไปข้างหมอน เอื้อมหยิบพวงมาลัยยื่นให้อรวรรณ
"นำพวงมาลัยไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นั่น ขอพรให้ท่านเปิดทางให้เธอเพื่อได้พบสร้อยตามต้องการนะเอมอร "
........................................................................................................

 


มาแล้ว!! เรื่องราว ข้ามภพ ข้ามชาติ ของเธอคนนี้ ตอนที่ 6 ที่ทุกคนรอคอย!!!


เสียงนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กของแม่ร้องเตือนบอกเวลา
อรวรรณสะดุ้งตัวเล็กน้อย หันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะที่หัวเตียง ตี3แล้ว
เธอหันกลับมามองอมรศรี
อมรศรีหายไปไหน?!!!
อรวรรณเหลียวซ้ายมองขวาเหมือนตื่นจากภวังค์
" นี่เราละเมอหรือเปล่า ? "
อรวรรณนึกในใจแต่เมื่อก้มลงมองในมือพวงมาลัยที่อมรศรียื่นมาให้เมื่อครู่ยังอยู่!!
เธอล้มตัวลงนอนข้างแม่อีกครั้งวางพวงมาลัยไว้ข้างหมอนเหมือนเดิม ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มแล้วค่อยๆหลับตาลง
แม่ที่นอนหันหลังอยู่บนเตียงข้างๆเธอ ยังลืมตาโพลง
น้ำตาของแม่ไหลหยดลงหมอน
แม่พลิกตัวกลับมากอดอรวรรณที่หลับไปแล้ว
มองลูกสาวอย่างเอ็นดู หอมหน้าผากครั้งหนึ่ง ก่อนใช้มือปิดโป๊ะไฟที่หัวเตียง
.......................................................................................................

 




แม่ปลุกอรวรรณเมื่อสาย...พ่อกับน้องก็ตื่นแล้ว....พ่อบอกว่าวันนี้เรามีเวลาเหลือเพียงวันเดียวที่อยู่สงขลา...ต้องกลับกรุงเทพฯเย็นนี้แล้ว
" วันนี้พ่อกับแม่จะพาอรไปทำบุญและทำสังฆทานให้เพื่อนๆเหล่านั้น พร้อมเลี้ยงเพลพระที่วัดกลางนะ"
พ่อบอกอรวรรณ
อรวรรณนึกสงสัยว่าพ่อกับแม่รู้ได้อย่างไร???

" เมื่อคืนนี้แม่ไม่ได้หลับทั้งคืนนะอร.." แม่กระซิบบอกลูกสาว
อรวรรณตะลึงแล้วโผเข้ากอดพ่อกับแม่และน้อง พ่อกับแม่เข้าใจเธอดีแล้ว

แม่ค่อยๆรินน้ำจากที่กรวดน้ำทองเหลืองรดใต้พุ่มแก้วที่หน้าหอเพลในวัดกลาง
อรวรรณแตะมือแม่
"อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ด.ญอมรศรีและเพื่อนๆของด.ญเอมอรทั้ง7 ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว รวมทั้งญาติมิตรทั้งหลายของข้าพเจ้าที่ล่วงลับไป จงมีความสุขกายสุขใจด้วยเถิด"
........................................................................................................
เสียงแม่ท่องบทกรวดน้ำผสมกลมกลืนไปกับเสียงพระสวดจากหอฉันที่ลอยมาจนถึงที่นั่งกรวดน้ำ
อรวรรณค่อยๆประคองแม่ให้ลุกขึ้น
เธอหลับตา...ยื่นหน้าไปสูดกลิ่นดอกแก้วที่บานสะพรั่งบนต้นซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
"..หอมจังค่ะแม่.."

ยังไม่ทันก้าวขาเดินกลับเข้าโรงฉัน.....!!!!!!!!!!!!
คุณยายอายุมากแล้วจำนวน 7 คนและ เด็กสาววัยแรกรุ่นคนหนึ่ง แต่งกายด้วยเสื้อแบบเรียบง่ายต่างแบบต่างสี สวมผ้าถุงไทยภาคใต้ลวดลายงดงาม กำลังนั่งพนมมือไหว้ก้มรับส่วนบุญส่วนกุศลตรงหน้าที่อรวรรณและแม่เพิ่งจบบทสวดลงไปเมื่อสักครู่
คนทั้ง 8 ค่อยๆเงยหน้าขึ้นยิ้มกรุ่นละไม
เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มที่เงยหน้าขึ้นคืออมรศรีนั่นเอง!!!!!!!!
เสียงพระสวดดังขึ้นพร้อมๆกับที่อรวรรณและแม่สาวเท้าไปหาพ่อกับน้องที่นั่งอยู่ข้างในหอฉันโดยมิได้สังเกต
........................................................................................................

บ่ายแก่ๆ อรวรรณและครอบครัวนำพวงมาลัยไปไหว้ที่เจดีย์จีน 7 ชั้น เธอถอดสร้อยคอหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ที่ใส่ติดคอมาตลอด ยกมือขึ้นไหว้พร้อมอธิษฐาน แล้ววางไว้กับพวงมาลัยที่ปีกหลังคาเจดีย์ชั้นแรก
หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ที่พ่อและครอบครัวให้ความเคารพและศรัทธาอย่างสูง
พ่อ แม่ ลูก ยืนพนมมือไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้พบร่องรอยของแหล่งที่ซ่อนห่อผ้า
ทุกคนเดินดูฐานรอบเจดีย์จีน 7 ชั้นเพื่อสังเกตดูว่าที่ตรงไหนน่าจะเป็นที่ฝังสร้อยข้อมือ
แต่ต้องแปลกใจ เพราะฐานเจดีย์จีนขณะนี้กลายเป็นกระเบื้องปูทับพื้นดินไปแล้ว
หากของที่ต้องการซ่อนอยู่ใต้ฐานเจดีย์จีนยังอยู่ ก็คงไม่สามารถนำกลับขึ้นมาได้
อรวรรณมีสีหน้าผิดหวัง.
" อมรศรี...ไหนเธอบอกว่าห่อผ้าอยู่บริเวณนี้ยังไงล่ะ ?" เธอบ่นเบาๆ
" เธออยู่แถวนี้รึเปล่า? บอกฉันสิ"
บรรยากาศรอบข้างมีแต่เสียงเงียบ
....................................................................
" มาทำอะไรแถวนี้กันล่ะโยม...เห็นเที่ยวก้มๆเงยๆเหมือนกำลังหาของ "
พระรูปหนึ่งที่กำลังเดินกลับเข้าพระอุโบสถเอ่ยถามด้วยความสงสัย

" มาหาดูของที่ใต้ฐานเจดีย์นี้นิดหน่อยครับหลวงพ่อ"
" หลวงพ่อครับ พื้นกระเบื้องนี้ถูกปูมานานรึยังครับ " พ่อถามด้วยความอยากรู้

" หลายปีแล้วล่ะโยม... แต่ก่อนแถวนี้ก็เป็นพื้นดินหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจริญก็ตามมา วัดวาอารามก็ได้ถูกปรับปรุงบูรณะ...ทางเดินที่เคยเป็นดินแฉะๆเวลาฝนตกก็ถูกปูด้วยกระเบื้องเพื่อความสะดวกในการเดินอย่างที่เห็นนี่ล่ะโยม"
พระท่านยืนเล่าด้วยท่าทีสงบ

" ขอรับหลวงพ่อ กระผมคงไม่รบกวนหลวงพ่อแล้วล่ะขอรับ"
พ่อยกมือไหว้หลวงพ่ออีกครั้ง แม่และลูกไหว้พระพร้อมพ่อ

" ไปเถอะลูก....รีบไปเอารูปที่ลูกสั่งไว้ที่ร้าน เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯไม่ทัน " แม่บอกอรวรรณ
" ลูกแน่ใจนะ ว่าลูกได้ยินมาไม่ผิด " พ่อถามด้วยความสงสัย
" ลูกได้ยินไม่ผิดหรอกพ่อ " แม่ตอบแทนอรวรรณ
อรวรรณมีสีหน้าที่ผิดหวัง แล้วทั้งสี่ก็หันหลังให้กับเจดีย์...เดินออกจากวัดเพื่อขึ้นรถไปร้านรูปถ่ายทันที

 





ตอน 6 ......พบ...ภพ ( ภาค2 )

เมื่อถึงร้านถ่ายรูป ทุกคนชอบใจเมื่อเห็นรูปที่สั่งไว้ ถูกใส่กรอบไม้ลายโบราณสวยงามเข้ากันดีเหลือเกิน
แต่ยังไม่ทันจะออกจากร้าน.อรวรรณนึกขึ้นได้ว่าลืมพระไว้ที่เจดีย์ทุกคนจึงต้องเสียเวลารีบกลับไปวัดอีกครั้งด้วยความเร่งรีบ

นั่งรถแท็กซี่มาถึงวัด พ่อบอกโชเฟอร์ว่าให้รอที่หน้าวัด จะเข้าไปเอาของ แล้วฝากกระเป๋าไว้ในรถ
แม่ถือกรอบรูปจูงมือน้องตามเข้าไปด้วย
ทั้งครอบครัวรีบเดินเข้าวัด...แต่แปลกใจว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าวัดไปได้ไม่กี่ก้าว ไม่เจอพระสักรูป
ผู้คนที่น้อยอยู่แล้วก็มาหายเงียบไปไหนกันหมด ? ก่อนออกไปยังมีคนอยู่บ้าง พระก็ยังอยู่ตามศาลา ให้นึกแปลกใจยิ่งนัก

เดินมาถึงพระอุโบสถที่ได้กราบพระเมื่อวานนี้ก่อนถึงเจดีย์จีน
พระรูปหนึ่งยืนอยู่ตรงรั้วหน้าอุโบสถ
ทุกคนแปลกใจ...ท่านมาตอนไหน? เมื่อสักครู่ยังไม่เห็นมีใครอยู่แถวนั้นเลย
ดูเหมือนท่านยืนรอคนทั้งครอบครัวด้วยความตั้งใจ...น่าแปลก..ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังเดินมา?
ท่านดูน่าเลื่อมใส....สงบ และมีบารมี

พ่อ แม่ และลูกๆ เข้าไปใกล้ๆ ค่อยๆนั่งลงยกมือไหว้
เกิดความรู้สึกแปลกเข้ามาในหัวใจ

" ไม่ต้องรีบหรอกนะโยม....โยมเอ้ย...สิ่งที่เราต้องการค้นหานั้น บางครั้งมันก็อยู่ใกล้ตัวเรานี่ล่ะเหมือนแว่นตาที่เราวางไว้บนหัว แล้วเราเที่ยวถามหาใครๆว่า แว่นของฉันหายไปไหน.
ที่จริงแล้วไม่ได้ไปไหนอยู่ที่เราเองนั่นล่ะเพียงแต่เราไม่มีสมาธิ ไม่ตั้งจิตให้แน่วแน่ และไม่ตั้งมั่นในศรัทธเราจึงมองไม่พบนะโยม"
........................................................................................................
" สิ่งศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาเท่านั้นนะ...ที่จะช่วยให้เธอค้นพบ..."
อรวรรณนึกถึงคำพูดของอมรศรี....ครั้งนี้ตระหนักแล้วว่าที่อมรศรีพูดนั้นคืออะไร?

.........................................................................
ทุกคนก้มลงไหว้พระอีกครั้ง..... ศรัทธาและความเชื่อมั่นแล่นเข้ามาในสมอง แล้วส่งไปถึงส่วนลึกของจิตใต้สำนึกลงไปถึงจิตวิญญาณ

เมื่อก้มกราบพื้นอีกครั้ง เกิดความประหลาดขึ้นในสมอง....เหมือนมีแสงวาบวาวอยู่ในความมืดขณะหลับตา
สมองและร่างกายเหมือนถูกเขย่าอย่างแรง
ภาพความมืดในดวงตาเหมือนจอโทรทัศน์ที่ถูกปิด ดับพร่ามืดมน
มีแต่ลายลูกน้ำจุดสีขาวสลับดำเต็มหน้าจอไปหมด
แล้วก็ติดภาพขึ้นบนจอโทรทัศน์ในสมองของอรวรรณขึ้นอีกครั้ง!!!!!!!!!!!!!!
เหมือนเปิดรับสัญญาณภาพอีกช่องหนึ่ง หรือมิติหนึ่งได้ในทันที!!!!!!!!!!!!!

ภาพในอีกมิติที่เห็นมันเป็นเวลาเย็นแล้ว
เป็นเวลาเดียวกับที่อรวรรณและครอบครัวกำลังนั่งกราบหลวงพ่ออยู่ที่นี่เวลานี้




........................................................................................................

" หลวงพ่อครับ....จะให้ผมมาปูพื้นกระเบื้องที่ฐานเจดีย์นี่เมื่อไหร่ครับ ? "
ชายแต่งตัวมอซอ เสื้อผ้าเก่า เหมือนคนงานก่อสร้าง มีอุปกรณ์ทำงานบางชิ้นถืออยู่ในมือและวางไว้ข้างกาย...เหงื่อไหลโทรมจนคอเสื้อและแผ่นหลังชื้นไปด้วยน้ำ
เขายกมือไหว้ถามหลวงพ่อที่ข้างๆเจดีย์จีน

" แล้วแต่โยมสะดวกนะ...เร็วหน่อยก็ยิ่งดี เพราะใกล้หน้าฝนเข้ามาทุกที...สงสารชาวบ้านแถวนี้เวลาจะมาทำบุญก็เดินลำบากนัก "
หลวงพ่อพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ

"ครับๆหลวงพ่อ....พรุ่งนี้ผมจะรีบจัดการให้เลยนะครับ "
ชายดังกล่าวยกมือไหว้หลวงพ่ออีกครั้ง

...........ภาพในสมองตัดไปที่รั้วริมโบสถ์อีกภาพหนึ่ง..............

วิญญาณของอมรศรีที่ตายไปแล้วได้ยินที่หลวงพ่อคุยกับชายคนนี้ถนัดหู
เธอใจหายวาบ
" ใต้ฐานเจดีย์มีผ้าห่อสร้อยข้อมือของเอมอร !!!!! " เธอรำพึง"

อมรศรีวิ่งออกจากโบสถ์ไปที่ฐานเจดีย์จีนองค์นั้นอย่างเร็วที่สุด
พระกับคนงานเดินลับหายไปแล้ว
เธอทรุดตัวนั่งที่ข้างฐานเจดีย์ รีบใช้มือปัดหญ้าบนหน้าดิน....ลุกขึ้นไปหักกิ่งไม้บริเวณนั้น แล้ววิ่งมาขุดดินตรงที่ซ่อนห่อผ้าอย่างรีบร้อน.... สองมือของเธอพุ้ยดินสลับกับใช้กิ่งไม้ด้วยความรวดเร็ว
ผมสั้นของเธอสะบัดพลิ้วไปมา ลำตัวโยกขึ้นลงตามจังหวะที่ขุด ดูไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด

ชายผ้าฝ้ายที่ดูเก่า สีคล้ำไปด้วยดินโผล่ขึ้นมา
เธอทิ้งไม้ ใช้สองมือแหวกดินด้วยความรีบร้อนค่อยๆใช้มือแซะดินรอบห่อผ้า หยิบมาไว้ในอุ้งมือ
ผ้าห่อสร้อยข้อมือที่ร้อยด้วยลูกปัดโนราห์ของเอมอรอยู่ในมือเธอแล้ว

เธอยืนหันรีหันขวาง มองซ้ายมองขวา เพื่อหาที่ซ่อนห่อผ้าที่ใหม่
ต้นโพธิ์ตรงริมสนามฝั่งตะวันตกนั่น...ดีที่สุด!!!!!
อมรศรีรีบวิ่งตัดสนามหญ้าไปที่ใต้ต้นโพธิ์ต้นนั้นทันที
เธอนั่งลง วางห่อผ้าไว้ข้างตัว ใช้กิ่งไม้ขุดดินที่ใต้ต้นโพธิ์อีกครั้งทันที
เธอก้มลงขุดดินอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ดูเธอเร่งรีบเหลือเกิน
ก้มๆเงยๆอยู่ครู่ใหญ่ก็ขุดหลุมได้อย่างที่ใจต้องการ
เธอหยิบห่อผ้าหย่อนลงหลุมรีบกอบดินที่ขุดขึ้นมากลบทับลงไปเหมือนจะให้เสร็จในทันที

"...สร้อยของเอมอรต้องไม่ถูกฝังไว้ที่นั่น..."
เธอพูดไปพร้อมมือที่กลบดินไม่ขาดระยะ...ลุกลี้ลุกลนที่สุด

อรวรรณสะดุ้งขึ้นจากภาพที่เห็นในสมองทั้งมวลภาพทุกภาพเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์
มันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นานแล้ว

เธอลืมตาขึ้นจากไหว้พระ หลวงพ่อที่ก้มกราบหายไป!!!!!!!!!

" สิ่งศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาจะช่วยให้เธอค้นพบ"
เสียงอมรศรีแว่วในสมองของอรวรรณอีกครั้ง

อรวรรณลุกขึ้น วิ่งออกจากหน้าโบสถ์ที่กำลังไหว้หลวงพ่อ...ตรงดิ่งไปที่เจดีย์ จีน 7 ชั้นทันที
พ่อ แม่ และน้องรีบสาวเท้าตามเธอมา
พ่อตามมาถึงเจดีย์ ยื่นมือไปหยิบสร้อยคอหลวงพ่อทวดไว้ในกำมือ ยกมือไหว้แล้วหย่อนลงใส่กระเป๋าเสื้อ

อรวรรณยืนตรงหน้าเจดีย์ กวาดตามองรอบทิศ....ภาพไปสะดุดตรงต้นโพธิ์เลยสนามหญ้าฝั่งตรงข้ามเจดีย์
มองเห็นภาพของเด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งพุ้ยดินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นอย่างร้อนรน.....อมรศรีอยู่ที่นั่นเอง

อรวรรณวิ่งตัดสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว.....ตรงดิ่งไปที่อมรศรี.....แต่ละก้าวที่วิ่งรู้สึกช้าเหลือเกิน

....เธอทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าอมรศรี....
อมรศรีไม่รู้ว่าเอมอรเพื่อนรักในชาติก่อนที่กลายมาเป็นอรวรรณในชาตินี้อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

สองมือของวิญญาณเด็กสาวในอดีตกำลังกลบดินด้วยความรีบเร่ง
ถูกอีกสองมือนุ่มๆที่มีจิตวิญาณและตัวตนจริงๆในชาตินี้คว้าไว้...แล้วกุมแน่น

มือทั้งสองคู่ที่อยู่กันคนละภพ คนละมิติ....จากอดีตชาติสู่ปัจจุบัน...เกาะกุมสัมผัสเชื่อมต่อกันในเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน....จากเพื่อนที่รักกันมายาวนานนับศตวรรษ
วินาทีมาบรรจบกันราวกับประตูของกาลเวลาทั้งสองภพได้ถูกเปิดออกในทันที...!!!!!!!!

อมรศรีสะดุ้ง....เธอเงยหน้าขึ้นมาปะทะหน้าของอรวรรณ
ตาคมเข้มลึก ดูมีประกายของเด็กสาวชาวใต้แท้ จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเพื่อนรักที่รอคอยมานานเหลือเกิน
น้ำใสๆเอ่อเต็มขอบดวงตาของทั้งสองคนหยดลงแก้มอย่างรวดเร็ว
" .......เอมอร..........."
อมรศรีตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนมีสิ่งใดจุกอยู่ที่คอ
ทั้งสองโผกอดกันแน่น.....ทำนบน้ำตาไหลจนเหมือนฝนใต้กระหน่ำ

ท้องฟ้าครึ้ม เมฆบดบังแสงอาทิตย์....นกพิราบที่หลังคาโบสถ์ทั้งฝูงบินว่อน
ลมแรงพัดปลายยอดมะม่วงและต้นไม้สูงในวัดโอนเอนไปมา
ปอยผมของเด็กทั้งสองคนปลิวไสวตามสายลม

"อมรศรี ฉันขอบใจเธอมากนะ...ฉันขอบใจเธอจริงๆ..." อรวรรณพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาอาบใบหน้า
...........................................................................................................

เมื่อลมสงบ...เด็กทั้งสองผละออกจากกัน...รีบช่วยกันลงมือขุดดินที่เพิ่งกลบไปขึ้นมาอีกครั้ง
มือทั้งสองคู่กอบดินขึ้นมากองไว้ข้างๆโดยไม่รู้ตัว ว่าพ่อ แม่ และน้องที่เดินตามมายืนดูอยู่ห่างๆ
ต่างตะลึงในภาพที่เห็น
ลูกสาวอยู่กับเพื่อนที่จู่ๆก็โผล่มาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่ทันได้สังเกต
ทุกคนได้เห็นเพื่อนที่รักต่างภพของอรวรรณแล้ว

ห่อผ้าที่เก็บสร้อยข้อมือมานานหลายปีถูกอมรศรียัดใส่มือของอรวรรณ
อรวรรณค่อยๆคลี่ผ้าสีคล้ำดินที่เก่าจนเปื่อยออก

ลูกปัดที่ใช้ร้อยเป็นชุดโนราห์ของภาคใต้หลายเม็ด ถูกร้อยเรียงสลับกันเป็นสร้อยข้อมือหลวมๆอยู่ในเส้นเดียวกัน.....มีทั้งสีน้ำเงิน แดง เหลือง เขียว ฟ้า ขาว และส้ม
แม้สีของลูกปัดจะซีดไปแล้ว หลายเม็ดมีรอยฝุ่นดินเกาะจนหมองหรือคล้ำดำไปบ้าง แต่ยังคงมีเอกลักษณ์เป็นลูกปัดชุดโนราห์อยู่เช่นเดิม

อมรศรีค่อยๆถอดแหวนที่นิ้วมือของเธอออกมา....มันคือแหวนนะโมซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังผ่านการปลุกเสกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งยื่นให้อรวรรณอีกชิ้นหนึ่ง

" เอมอร....นี่เป็นแหวนที่ฉันรักที่สุด...ฉันใส่แหวนนะโมวงนี้ติดตัวไม่เคยถอดออกจากนิ้วของฉันเลย
ถ้าเธอพบบัวคลี่...ฝากไปให้ด้วยนะ...บอกเธอว่าพี่สาวคนนี้ไม่เคยลืมน้องได้เลย"
น้ำตาของอมรศรีได้ไหลออกมาอีกครั้ง.

"ไปได้แล้วนะ....เดี๋ยวไม่ทันขบวนรถไฟ....." อมรศรีกุมมืออรวรรณแล้วดึงอรวรรณให้ลุกขึ้น

อรวรรณกำห่อผ้าแน่น ก้าวเท้าเดินรี่ไปที่ครอบครัว ก้มลงหยิบกรอบรูปที่มือของแม่ขึ้นมา....
มองดูเพื่อนๆทั้ง 10 คนในรูปอีกครั้ง

" พี่อร...นั่นเพื่อนพี่อรเหรอ? " น้องชายชี้มือไปที่ใต้ต้นโพธิ์ที่อมรศรียืนอยู่
อรวรรณหันกลับไปอีกครั้ง

อมรศรีและเพื่อนๆอีก7 คนที่เสียชีวิตไปแล้วในวัยที่แตกต่างกันกำลังมองมาที่อรวรรณ
........................................................................................................
ภาพอีกภาพหนึ่งที่ซ้อนทาบเข้ามา
เด็กสาวที่มีวัยไล่เลี่ยกันทั้ง 8 คนยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนในรูปถ่ายเมื่อปี 2470
ขาดไปเพียง 2 คน คือบัวคลี่ และเอมอร
รอยยิ้มของทุกคนที่มีให้เอมอรดูอบอุ่นและดีใจยิ่งนัก

" กลับไปหาเค้านะ เค้าจะช่วยเธอ " เสียงอมรศรีลอยมากระซิบที่ข้างหู
เธอยิ้มด้วยท่าทีปริศนาอีกครั้ง

(จบตอน 6 )




ขอบคุณที่มา :::: facebook ::  ข้ามภพ ข้ามชาติ


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์