การเลือกทานโยเกิร์ตสูตรไร้น้ำตาลนั้นจะช่วยลดอาการกลิ่นตุๆ ที่ปาก
ที่เราไม่มีกลิ่นมากนั้นก็เนื่องมาจาก แบททีเรียสองสหายทั้งแลคโตบาซิลลัสและสเตร็ปโตค็อสคัส ต่างช่วยกันขยันขันแข็งทำลายปริมาณไฮโดรเจนซัสไฟด์ที่เป็นต้นเหตุของอาการ กลิ่นปากนั้นเอง
2.โยเกิร์ตย่อยง่ายกว่านม
เคยมั๊ยที่ดื่มนมทีไรมีอันต้องวิ่งเข้าห้องน้ำกันแทบไม่ทัน นั่นเพราะว่าคุณนั้นไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในน้ำนมได้ แต่ถ้าคุณหันมาทานโยเกิร์ตรับรองได้ว่าไม่มีปัญหาเรื่องท้องเสียอย่างแน่นอน
3.โยเกิร์ตย่อยง่าย
โยเกิร์ตย่อยง่าย เพราะน้ำตาลแลคโตสเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดการแพ้นมหรือท้องเสียถูกเปลี่ยน เป็นกรดแลคติกที่ย่อยง่าย นอกจากนนี้แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนนม เคซีน ซี่งเป็นโปรตีนย่อยยาก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาภูมิแพ้ต่อน้ำตาลแลคโตสและ โปรตีนเคซีน
4.ป้องกันมะเร็งได้
ป้องกันมะเร็งได้ด้วย เพราะแลคโตบาซิลัสจะสามารถจับกับสารก่อมะเร็งได้ และช่วยยับยั้งกลุ่มแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรท ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่ง
5.ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะแลคโตบาซิลัสในนมเปรี้ยวจะช่วยควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจได้
6.ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ง่ายขึ้น
ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ง่ายขึ้น และกรดแลคติคในนมเปรี้ยว และโยเกิร์ตจะช่วยให้การย่อยแคลเซียมในนมดีขึ้น
7.แก้ท้องเสีย
คนที่ท้องเสียเป็นเพราะมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตเกิดมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทั้งหลาย การกินโยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียของคุณทุเลาอย่างรวดเร็ว ทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่าย
8.มีวิตามิน
ให้วิตามิน โดยเฉพาะไรโบฟลาวิน หรือ วิตามินบี 1 และวิตามินเคที่นมเปรี้ยว และโยเกิร์ตจะช่วยสังเคราะห์วิตามินในลำไส้
9.ป้องกันแผลในกระเพาะ
ป้องกันแผลในกระเพาะ แล็กโตบาซิลลัสจะช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ H.Pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะกว่า 90%
10.ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
มีการศึกษามากมาย ชี้ว่าการกินโยเกิร์ตทุก ๆ วันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย ดังนั้น โปรไบโอติกส์สำคัญมาก ๆ เพราะมันช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปจนถึงระดับเซลล์ ซึ่งจะปกป้องคุณจากไวรัส ปรสิต และมะเร็ง คุณจะได้มีชีวิตยืนยาวยิ่งขึ้น