..........เดิมทีชาวบ้านอำเภอเย่ เชื่อกันมาว่า ในแม่น้ำเหลืองนั้น มีเทพองค์หนึ่งที่ชื่อ เหอป๋อ สถิตย์อยู่ ครั้งใดที่เหอป๋อพิโรธ ก็จะบันดาลให้น้ำในแม่น้ำเหลืองปั่นป่วนเข้ามาท่วมเรือกสวนไร่นาและบ้านเรือนของชาวบ้านในอำเภอเย่นี้เสียหมด
อุทกภัยที่เกิดอยู่เป็นประจำนี้เอง จึงทำให้ผู้ใหญ่บ้าน กับผู้ช่วยนายอำเภอวางแผนชั่วสมคบคิดกับยายแก่ผู้ตั้งตนเป็นแม่มด-หมอผี ป่าวประกาศว่า สาเหตุที่เกิดอุทกภัยอยู่บ่อยครั้งก็เนื่องมาจาก เทพเหอป๋อต้องการหาเจ้าสาวมาเป็นคู่ และต้องการเครื่องเซ่นเป็นเนื้อสัตว์ สุรา และอาหารต่างๆ ด้วย
ดังนั้น จึงมีการเร่เก็บเงินภาษีเพื่อประกอบพิธีบวงสรวงเทพเหอป๋อ จากชาวบ้านโดยทั่วกัน ซึ่งคิดเป็นเงินแล้วก็เป็นจำนวนมากมายมหาศาลในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม แท้จริงแล้ว เงินที่ใช้ในงานพิธีบวงสรวงที่ยาวประมาณ 10 กว่าวันนั้นเป็นค่าใช้จ่ายจริงก็เพียงแค่ประมาณ สามในสิบของเงินภาษีเท่านั้น ส่วนอีกเจ็ดในสิบนั้นผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยนายอำเภอกับยายเฒ่าที่แสดงตนเป็นแม่มดกลับนำมาแบ่งสรรเก็บเข้ากระเป๋ากันเอง
นอกจากประเด็นเรื่องอุทกภัยและภาษี ที่ถือเป็นภาระหนักอึ้งของคนในอำเภอแล้ว ประเด็นที่หนักอก หนักใจอีกประการหนึ่งของชาวบ้านก็ คือ การคัดเลือกหญิงสาวในหมู่บ้าน เพื่อนำมาเป็นเจ้าสาวให้กับเทพเหอป๋อ ทำให้ชาวบ้าน บ้านใดที่มีบุตรสาวต้องประหวั่นพรั่นพรึงกันไปหมด เนื่องจากวิธีส่งมอบเจ้าสาวให้แก่เทพเหอป๋อในแม่น้ำเหลืองนั้น ก็คือ จับหญิงสาวผู้นั้นนั่งบนแผ่นไม้ที่ใช้สำหรับเซ่นสรวง ก่อนปล่อยลอยไปในแม่น้ำเหลืองเรื่อยๆ จนจมลงไปในที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านบ้านใดมีลูกสาวก็พากันย้ายสำมะโนครัวหนีไปอยู่ที่อื่นกันหมด นานเข้าชาวบ้านในอำเภอเย่จึงเหลือน้อยลงทุกทีๆ
เมื่อซีเหมินเป้าเดินทางมารับตำแหน่งที่อำเภอเย่ จึงเข้าสอบถามเรื่องราวกับผู้อาวุโสในหมู่บ้าน พอได้ยินเรื่องราวดังเช่นที่ว่า ซีเหมินเป้าก็ออกปากว่า ถ้าวันไหนมีพิธีบวงสรวงตนจะขอเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วยก็แล้วกัน
พอวันทำพิธีบวงสรวงมาถึง ซีเหมินเป้า ก็เข้าร่วมพิธีด้วยตามที่ว่าไว้ โดยก่อนที่พิธีจะเริ่มขึ้นซีเหมินเป้าได้ออกปากขอดูตัวเจ้าสาวของเทพเหอป๋อ
เมื่อมีการนำเอาตัวเจ้าสาวมาให้ซีเหมินเป้าดู ซีเหมินเป้าก็ดำเนินอุบายของตนโดยกล่าวว่า "หญิงสาวคนนี้อัปลักษณ์สิ้นดี" จากนั้นจึงหันไปหายายเฒ่า ผู้ทำพิธีแล้วกล่าวว่า........ "รบกวนให้ยายเฒ่าช่วยลงไปเรียน ท่านเทพเหอป๋อในแม่น้ำด้วยว่า ทางนี้จะคัดเลือกเจ้าสาว ที่สวยที่สุดให้ใหม่ อีก 2-3 วันจะทำพิธีส่งไปให้".......พอกล่าวจบ ซีเหมินเป้าก็สั่งให้ลูกน้องจับยายเฒ่าโยนลงไปในแม่น้ำเหลืองทันที
เมื่อรอได้สักพักยายเฒ่า ก็ยังไม่โผล่ขึ้นมาซักที ซีเหมินเป้าก็กล่าวต่อว่า ยายเฒ่าชักช้าจริงๆ ลงไปหาเทพเหอป๋อตั้งนานแล้ว ยังไม่ขึ้นมาเสียที จึงสั่งให้โยนลูกศิษย์ของยายเฒ่า ลงไปในแม่น้ำอีก 3 คนเพื่อไปเร่งเรื่องราว เมื่อยายเฒ่าและลูกศิษย์รวม 4 คนยังไม่โผล่ขึ้นมา ซีเหมินเป้าก็สั่งให้โยนผู้ใหญ่บ้านที่เป็นชายลงไปอีกหนึ่งคน
จนในที่สุด เหล่าผู้ร่วมสมคบคิดปอกลอกคิดร้ายต่อ ทรัพย์สินและลูกสาวชาวบ้านเมื่อเห็นว่าหากปล่อยไปเช่นนี้ชีวิตตนอาจไม่รอดแน่แล้ว จึงคุกเข่าขอร้องซีเหมินเป้าให้ไว้ชีวิตตนเอง และยอมยกเลิกพิธีบวงสรวง เทพเหอป๋อแห่งแม่น้ำเหลืองทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้พิธีบวงสรวงจะล้มเลิกไปแล้ว แต่ซีเหมินเป้าก็ทราบดีว่า ภัยพิบัติของอำเภอเย่อันเกิดจากแม่น้ำเหลืองนั้นจะไม่มีวันจะจบสิ้นลงไปได้ หากตนไม่ดำเนินการจัดการด้านชลประทาน ให้กับพื้นที่แห่งนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว คิดได้ดังนั้นซีเหมินเป้าจึงเกณฑ์ชาวบ้านในหมู่บ้านให้มาช่วยกันขุดทางน้ำ 12 สายเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในฤดูน้ำหลาก และอีกนัยหนึ่งใช้ประโยชน์จากน้ำในแม่น้ำเหลือง เพื่อมาหล่อเลี้ยงไร่นาของชาวบ้าน จนในที่สุดเรื่องวุ่นวายก็ผ่านไป และ อำเภอเย่ก็สงบสุขลงในที่สุด ......