หลังจากนั้นเราก้อเริ่มมาทำร้านตัวเอง ใช้เวลาในการจัดสรรอะไรกว่าจะเข้ารูปเข้ารอยก้อร่วมปีเลย ถือเป็นการพักยาว สร้างสมาธิ ส่วนกับเค้าก้อจะเจอกันช่วงปลายเดือน เ
ค้าทำงานมาร่วมปีไม่มีเงินเก็บเลย เงินหายไปไหนหมด ปกติเป็นคนที่เค็มมาก มัธยัสถ์สุดๆ เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ แต่งตัวเสื้อผ้าเราก้อซื้อให้ เพราะเค้าบอกว่าถ้าเราอยากเห็นเค้าแบบไหนก้อจัดการให้เรย เราก้อชอบซื้อให้อยู่แล้ว ไม่ชอบให้ใครมาว่าคนรักของเราลับหลัง ว่าแต่งตัวไม่ได้เรื่อง ไม่มีใครดูแลเรยหรา ว่างั้นไป ลุคเสื้อลายสก็อตแบรนด์ดังกับกางเกงยีนส์เซอร์ๆ หล่อมากบอกเลย ชอบ ไปกินหรูๆเราก้อเลี้ยงตลอด เพราะเห็นเค้าไม่มีเงินเลย สตาบัคเราก้อเลี้ยงทุกวัน รถที่ขับไปเที่ยวก้อรถเรา น้ำมันเราออก เพราะรักไงเลยยอม ไม่คิดว่าเรื่องเงินเป็นปัญหา เราพอมีเงินบ้างก้อจ่ายให้แฟนได้ ถือสะว่าชดเชยกันไป เพราะตอนเรียนเค้าก้อเคยเลี้ยงเรามาเยอะเหมือนกัน
ก่อนเปิดร้านประมาณ 3 เดือนได้ เราก้อคุยกับเค้าตรงๆถึงเรื่องอนาคต ว่าจะทำงานภาคใต้ไปเรื่อยๆเลยเหรอ เงินก้อไม่เหลือ คุ้มไหม กับการเอาชีวิตไปเสี่ยงที่ภาคใต้ ขับรถเหนื่อยๆ ทางเปลี่ยวๆ อันตรายมาก ไม่คุ้มเลยนะ เอางี้แล้วกัน เป้(ขอใช้ชื่อแทนตัวเค้าว่าเป้ละกัน) เราว่าเป้ลาออกเหอะ มาทำร้านกับเราโดยไม่ต้องออกอะไร ออกเท่าที่ไหวที่มีก้อพอ เราไม่ซีเรียสหรอกเรื่องเงิน มันหมดไปเพราะการลงทุนเกือบล้าน แต่เรามาช่วยกันทำกันสร้าง เดี๋ยวเงินมันก้อกลับมาหาเราเองนะเป้ เป้ก้อตัดสินใจได้ว่าจะลาออก มาทำร้านร่วมกับเรา เช่าตึก เราก้อพักอยู่ที่นี่ ชีวิตเรียบง่ายดี ไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายขับรถเป็นเซลล์บนท้องถนน แล้วเราค่อยหาธุรกิจอื่นเพิ่ม เพื่อจะได้มีรายได้หลายๆทาง เช่น เปิดขายของทางเพจ นำเข้าแมวนอกมาเพาะขาย
ทุกอย่างเราลงทุนคนเดียวเลย เป้ไม่มีเงินเลย แรกๆที่เปิดร้าน รายได้ยังไม่ดี ข้าว น้ำ ขนม เราต้องเลี้ยงเป้หมด ค่าเช่าตึกเดือนละ 15,000 แรกๆเราออกหมด ค่าไฟค่าน้ำ ค่าอาหารแมวเกือบ 20 ตัว เราออกหมด โดยไม่มีการบ่นว่าต่อว่าเป้เลย เพราะคำว่ารักคำเดียวแท้ๆ รักที่เสียสละได้ทุกสิ่ง ถ้าเป็นคนอื่นเราว่าคงปรี้ดแตกไปนาน คงว่าไปแล้วว่าเป็นผู้ชายอะไรมาเกาะผู้หญิงได้ขนาดนี้ ช่วงเปิดร้านพอเข้าเดือนที่ 2 รายได้ก้อดีขึ้นมาก พอสิ้นเดือนกำไรที่ได้หักค่าใช้จ่ายภายในร้าน เราจะ แบ่งให้เป้ 40% โดยที่เป้ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย รายได้ทางอื่นอีก 3 ทาง เราก้อแบ่งให้เป้ 40% ทุกอย่าง เราสองคนไม่ได้เก็บเงินกระเป๋าเดียวกัน ต่างคนต่างมีส่วนตัว รายจ่ายแต่ละวันเป้ก้อไม่ได้ออกอะไรเลย ข้าว ขนม กาแฟ ดูหนัง ใช้เงินร้านเป็นเบี้ยเลี้ยงให้หมด พอบางช่วงเราถามเป้ว่า เป้ช่วยออกค่าแมวหน่อย เราจะนำเข้ามาเพิ่ม เป้จะตัดบททันที ไม่มีเงินเลย เงินหมด ในใจก้อคิดนะ ยิ้มเอาเวลาไหนไปใช้เงินว่ะ อ้างว่าติดหนี้บัตรเครดิตบ้าง คนงกๆอย่างเป้ เอาเวลาไหนไปรูดว่ะ ลืมบอกไปร้านเราหยุดทุกวันพุธ เย็นวันอังคารเค้าจะรีบเก็บของไปนอนที่บ้าน บ้านเค้าอยู่ที่ราชบุรี ร้านเราอยู่นครปฐม ซึ่งไม่ไกลกันมาก
พักหลังๆตอนลงมาทำงานที่ร้าน ก้อเหนคุยไลน์ตลอด ปากก้ออ้างว่าลูกค้า คุยเฟซบ้าง บางทีก้อเอือมนะ นั่งข้างๆกันแต่ไปคุยไลน์กับคนอื่น นอนก้อนอนข้างยังคุยไลน์กับคนอื่น เบื่อจัง จนบางทีคิดว่าเลิกดีไหม นับวันยิ่ง ยิ้ม นิสัยแย่จังว่ะ หลังๆเอือม จึงแยกกันอยู่ เราลงไปนอนชั้น2 ให้เป้นอนชั้น 3 ละกัน บางทีการอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง อารมณ์เบื่อหน่ายกันมันคงมีมากขึ้น เว้ยระยะห่างแล้วกัน ส่วนตัวเวลาปิดร้าน กินข้าวกลับร้านแยกย้ายละกัน
เป็นอย่างงี้มาเรื่อยๆ นับวันก้อยิ่งจืด ความรักน้อยลงทุกวัน ไม่ค่อยแคร์กัน จนเราตั้งมั่นแล้ว จับได้เมื่อไหร่แบบคาหนังคาเขา จบกัน ไม่ทน พอเรามาใช้ชีวิตแบบแยกห้องนอน เราก้อสวดมนต์ทำบุญมาก ไม่พยายามหาใครสักคนมาคุยแก้เหงาคั่นเวลา เพราะยังไงก้อถือว่าเรากับเค้ายังคบกันอยู่ ทำแบบนั้นมันไม่ถูกต้องไง ไม่แฟร์
พักหลังๆ
ชอบขโมยเงินร้านไปแบบไม่บอก เอาเข้ากระเป๋าตัวเองหมด บางทีรายได้จากทางอื่นที่เราเคยแบ่งให้ 40% บางทีก้อขอหมดคนเดียว อ้างตลอดพ่อป่วย พ่อเป็นเบาหวานเข้าโรงบาลบ้างแหละ ต่างๆนานๆ เราก้อช่วยเหลือไป เพราะเราก้อแทบไม่ได้ใช้อะไรมาก วันอังคารนี่ตั้งตารอเมื่อไหร่จะสองทุ่ม จะได้ปิดร้าน จะรีบกลับไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ ยังคิดอยู่ในใจนะ ตอนเรียนนี่เกลียดกันมาก บ่นอยู่นั่น ทำให้ลำบาก ไม่ส่งเสีย ทีตอนนี้มารักกันจังว่ะ
จนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ขอปิดร้านตั้งแต่วันที่ 11-19 จะไปช่วยงานที่บ้าน ที่หนักกว่านั้นขอเงินกลับบ้าน 70,000 บอกว่าจะเอาไปรักษาพ่อ พ่อเป็นเบาหวานล้มในห้องน้ำ กระดูกสะโพกแตก เราก้อโง่ให้ไป ระหว่างนั้นเราก้อถือโอกาสปิดร้าน ถือว่าเป็นการพักผ่อน ลืมเล่าไปก่อนหน้านั้นเค้าบอกว่าขอบล็อกเฟซเรานะ เราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงขนาดนี้ จะระแวงอะไรกัน ปล่อยให้เรามีโลกส่วนตัวในเฟซบ้าง และเวลานอน เราก้อโอเคร ให้ในสิ่งที่มันขอทุกสิ่ง ไม่ใช่แค่เงินนะ ขอได้ทุกอย่าง อยากได้อะไรเสกให้หมด จนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเพื่อนสนิทมาพักด้วย นางก้อเอารูปในเฟซเป้มาให้ดูว่าโพสต์รูปคู่กับผู้หญิงหน้าปลอมนางหนึ่งที่แต่งหน้าจัดๆ เหมือนจะไปรำแก้บน ติดขนตาปลอมนึกว่ากันสาด ใส่เสื้อผ้าแหวกจนจะถึงสะดือ โพสต์รูปคู่กัน กอด หอม จูบ เอาเข้าไป ไปกินหรูอยู่แพง เช็คอินโรงแรมแพงๆ ไหนยิ้มบอกว่าจะเอาเงินไปรักษาพ่อที่ป่วย ไม่โทรไปตาม รอกลับมาเคลียร์ครั้งเดียว วินาทีที่เพื่อนเราเอารูปให้ดู น้ำตาไหลแบบไม่มีสาเหตุ จุกค่ะ เจ็บจนจุก นี่เหรอคนที่เรารักและเทิดทูลให้ทุกอย่าง ทำกันได้ ที่เคยสัญญาว่าจะดูแลเราไปจนตาย มันคืออะไร พูดเพื่อให้เรารักแบบตายใจ เพื่อหวังเกาะ-และสูบเงิน คงแค่นี้มั้ง หลังจากเหนภาพ โชคดีที่มีเพื่อนให้กำลังใจไม่ขาดสาย กินข้าวไม่ได้ 5 วัน เกิดมาจุกที่สุดในชีวิต เป็นคนที่เกลียดการถูกหักหลังมาก มาเจอจังๆก้อไปไม่เป็นเลยนะ แต่ต้องอดทน ไม่โทรไป รอมาเคลียร์กันแบบตัวเป็นๆละกัน พอวันที่ 20 เป้ก้อโทรมาบอกป๊ายังอยู่ที่โรงพยาบาล งานที่บ้านเยอะมาก เคลียร์ไม่ทัน ขอกลับมาทำงานเปิดร้านวันที่ 21 เมษา ละกัน
พอเป้กลับมาก้อมากอดเรา บอกคิดถึงจัง เราก้อทำตัวไม่รุ้ไมชี้ ปกติที่สุด รอเคลียร์เย็นนี้ พอปิดร้าน เราก้อชวนนางไปกินหมูกระทะ เรากระเดือกอาหารแทบไม่ลง ให้เค้ากินไปสักพักก่อน เราก้อเริ่มเปิดประเด็นไป
ม่อน : เป็นไงเป้ไปเที่ยวหัวหินสนุกไหมอ่ะ ผู้หญิงที่ไปด้วยสวยดีนะ แต่งหน้าจัดดี แต่งตัวก้อดีนะ ไปเจอที่ไหนอ่ะเป้
เป้ : ออ ไม่มีอะไรเพื่อนกัน คนนั้นเค้ามีแฟนแล้ว ไปเที่ยวด้วยกันเฉยๆ
ม่อน : อ้าว แล้วไปรุ้จักกันได้ไงอ่ะเป้
เป้ : เค้ามาจีบเรา มาชวนคุยในเฟซ เหนเราชอบโพสต์รูปกับหมาแมว เค้าเลยมาชวนคุย บอกเค้างานหนักมาก ไม่มีเวลาไปซื้ออาหารให้หมาเลย เอาอาหารที่ร้านมาให้หน่อยได้มั้ยที่บางแค เราก้อเอาไปให้ แค่นั้นเอง
ม่อน : แล้วมีอะไรเกินเลยไหม
เป้ : ก้อมีนะ นี่ม่อนเราเป็นผู้ชายนะ มันก้อเป็นเรื่องปกติป่าวว่ะ ระหว่างเราทุกอย่างมันก้อจืด เราก้อต้องหาสีสันในชีวิตบ้างดิ
ม่อน : แล้วมีที่ไหน
เป้ : ในรถ พอใจยัง จะถามอะไรอีกไหม ถ้าระหว่างเราเรื่องที่มันจืด เราจะหาคนอื่นมากินฟรีๆเพื่อเติมสีสันให้ชีวิตเรา มันผิดตรงไหนอ่ะ
ม่อน : เรารับไม่ได้ ตรงๆนะ เราไม่เคยนอกกายนอกใจเป้เลย ให้เป้เลือกละกัน ถ้าจะเลือกเราก้อหยุด ถ้าจะไปสนุกกับคนนั้นแล้วมาคบกับเรา เราไม่โอเคร เรามีเวลาให้ไม่มากนะเป้ เป้คิดดูเองละกัน เราเป็นคนที่ดีมากะเป้มาก ถ้าเป้อยากเห็นด้านมืดเรา เป้ก้อลองดูละกัน จะไดรู้กันไปเลย เราไม่ใช่ควายนะ
หลังจากนั้นก้อขับรถกลับบ้าน โดยไม่ได้คุยกันอีก เช้าวันต่อมาก้อทำงานตามปกติ มือเป้ก้อเล่นคุยไลน์ไม่ได้ห่าง รีบปิดร้านออกไปหานางพริตตี้นั้น คืนนั้นระหว่างนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก้อมีผู้ชายคนนึงแอดเฟซเรามา แล้วอินบ็อกมาบอกว่า เปนแฟนพริตตี้คนนั้นอยู่ เจ็บมาก กำลังจะแต่งงาน นอนรอผู้หญิงกลับบ้านเพราะผู้หญิงออกไปข้างนอกกับแฟนเรา กำลังจะแต่งงานกัน 20 มิย 58 แต่พอมาถาม พริตตี้ก้อบอกไม่อยากแต่งแล้ว เพราะไม่เห็นคนอย่างพี่จะมีความมั่นคงอะไรในชีวิตที่ฝากไว้ได้เลย ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาก้อโกหกว่าไปงานศพเพื่อนพ่อที่หัวหิน ปล่อยพี่แกเหงาที่บ้านอยู่คนเดียว พอกลับมาก้อมีแต่คุยไลน์ ไม่สนใจคนที่นอนอยู่ข้างๆเลย บอกแค่ว่าถ้ารำคานมากนักก้อไปนอนที่อื่น ระหว่างเราต่อจากนี้ก้อต้องมีการเปลี่ยนแปลงนะ พี่แกบอกว่าพี่แกรับไม่ได้ เพราะพี่แกรักพริตตี้คนนี้มาก มากจนกำลังจะแต่งงานกัน แต่พี่แกไม่ได้รวย พนักงานเงินเดือนทั่วไป แค่หน้าตาดี พอมาคุยกับแฟนเรา นางคงเหนว่าเป็นเจ้าของธุรกิจ น่าจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้ น่าจะดีกว่า
วันที่ 24 เมษา เราก้อคุยอีกที สรุปจะเอายังไง ทำแบบนี้งานเสียนะ ไปๆหายๆ ไม่คิดจะช่วยอะไรกันเลยใช่มั้ย วันนั้นเราไม่มีอารมทำงานเลย ตัดสินใจปิดร้าน เคลียร์ นางก้อบอกม่อนจะทำอะไรให้ชีวิตยุ่งยาก เราก้อยุกันแบบนี้แหละ เราก้อเปนแฟนกัน เค้าก้อยุในที่ของเค้า เงินก้อเงินในส่วนของเราที่เอาไปเลี้ยงนาง เด๋วเป้เอาเบื่อก้อกลับมาคบกันสองคนกะเราเหมือนเดิม เราไม่โอเคร เป้ไม่ไปใช่มั้ย ได้ งั้นเราจะจัดการเอง เราขึ้นไปบนชั้น 3 โยนข้าวของออกมาทางหน้าต่างกองที่ถนน คนมองตรึม เราไม่สนใจ อารมนี้ของขึ้นแล้ว นางมือสั่น ทำอะไรไม่ถูก รีบวิ่งไปเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่กลางถนนขึ้นรถกะบะนาง พอนางเก็บของขึ้นรถหมด จังหวะนั้นแค้นยิ้มสุดๆ เราโยนรูปปั้นดินเหนียวรูปวัวเข้าที่กระจกหน้ารถกะบะนางแตก เอาคืนบ้าง แล้วพูดทิ้งท้ายว่า "สิ่งใดที่ทำกับกู รับผลของกรรมที่จะเกิดให้ได้ละกันนะ ถ้าไม่ตาย ชาตินี้กับกูเจอกันแน่ ไอ้หน้านรก" ตั้งแต่คบมาไม่เคยหยาบคายขนาดนี้ วันสุดท้ายจัดให้หนัก
หลังจากนั้นเราก้อประกาศตัวว่าเป็นศัตรูกันอย่างเป็นทางการ ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ เป้ก้อโพสต์รูปคู่โชว์หราว่าคบกับพริตตี้ ส่วนพริตตี้ก้อไล่พี่ผู้ชายคนนั้นออกจากบ้าน โพสต์ว่าคบกันวันที่ 5 เมษา ยอดเยี่ยมจ้า เอาวันที่ได้กันในรถวันแรกที่เจอกัน เป็นวันที่คบกัน ยอดเยี่ยมมากเลย
เราท่องเสมอว่าเราต้องลุกขึ้นให้ไว งานต้องเดินต่อ เมื่อเค้าไม่รักเราแล้ว ก้อปล่อยเค้าไป เราตายไม่ได้ งานพังไม่ได้ เลี้ยงแมว 20 ตัว รักมากด้วย ถ้าเราตรอมใจจนตาย แมวจะเอาอะไรกิน อยู่และสู้เพื่อแมว
ไม่วายนะ หลังจากนั้นเค้าก้อมาหากินทับรอยเรา ขโมยสมุดลูกค้าไปหมด ไปหาลูกค้าถึงบ้าน ใส่ไข่เราเสียๆหายๆ ยอดที่ร้านตกฮวบแบบแทบไม่มีรายได้ กินเงินเก่าทั้งนั้น ยิ่งกว่าแค้นค่ะ
เราต้องประคองตัวเองให้อยู่รอดโดยใช้เงินเก่า เป็นเวลา 3 เดือน แบกรับภาระต่างๆคนเดียวแบบไม่มีรายได้เข้ามาเลย มิหนำซ้ำตอนจังหวะที่เราไปโยนของเป้ออกนอกบ้าน เป้ก้อขโมยของในร้านเพื่อไปทำมาหากินเองเยอะมาก ยังไม่แล้ว ต่อจากนั้นอีกสักเดือน เราก้อมาชำระบิลที่นางแอบสั่งของเข้าร้าน แต่เก็บบิลไม่ให้เรารู้ แล้วเอาของนั้นไปหมด รวมเป็นเงิน 110,000 คือจุกค่ะ
จนมาถึงวันนี้ทุกอย่างในชีวิตเรา 5 เดือนที่เลิกกับเค้าไป เรามองความรักเป็นเรื่องที่ไม่กล้าก้าวเข้าไปยุ่งเรย ขออยู่บนคานทองอย่างสงบกับฝูงเพื่อน เปนแม่แมว 30 ตัวที่เราฟูมฟักมาคนเดียว ถ้าหาดีไม่ได้ก้ออย่ามีดีกว่า ระยะเวลาที่เลิกกับคนศีลต่ำ ศีลไม่เสมอกัน ภายในระยะเวลาสั้นๆ เราเป็นผู้หญิงที่ใครก้อชมว่ายืนหยัดต่อได้ ยิ่งกว่าแกร่ง แค่ไม่ต้องส่งเสียเป้ เอาเงินนั้นมาเก็บ สามารถซื้อตึกเป็นของตัวเองได้ ผ่อนรถหมดได้ ภายในระยะเวลาสั้นๆ สำหรับเราคำว่าเป้คือรักแท้ของเรา มันคงไม่ใช่และเป็นรักแท้ที่มีอยู่จริง จากแต่ก่อนที่คิดว่าเป้คือรักแท้ คือคนที่เรารักมาก คือคนเดียวที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปจนตาย คือคนที่เราจะคอยเคียงข้างในยามที่สุขและทุกข์ไปด้วยกัน คือร่มเงาที่เราจะเอื้อให้แค่เค้าคนเดียวเท่านั้น ทุกอย่างมันโดน delete ไปหมดเลยค่ะ พร้อมกับคิดในหัวว่า เราคงเป็นคนนึงที่โชคดีกับความรักบ้างนะ ความรักที่เราไม่ต้องตามหา ความรักของคนที่ศีลเสมอกัน รักที่เป็นคู่แท้ รักที่ไม่ใช่คู่กรรม บางทีก้อแอบน้อยใจในโชคชะตานะ มาโสดตอน 30 โสดทั้งๆที่เป็นคนดีและทุ่มเทกับคนรักมาก มากจนเกินไป
ท้ายนี้ เราจะบอกเป้ว่า เราอโหสิกรรมให้เป้ทุกอย่างนะ ที่ผ่านมาเราจะถือว่าเป้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของม่อนตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่เป้เคยสัญญากับเราว่าจะดูแลเราไปตลอดชีวิต สัญญากับพ่อเราด้วย เราจะจุดธูปบอกท่านให้อโหสิกรรมให้เป้ด้วย เราจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นนะ เราคงหมดกรรมกันแต่เพียงเท่านี้นะ