อมยิ้ม36
เรื่องจริงเหมือนนิยาย แม่บ้านที่บ้านชื่อวี (นามสมมุติ) ตอนนั้นทำงานกับที่บ้านมาได้ 5 ปี เป็นคนซื่อๆ ทำงานขยันดีมาก เค้ามีเงินเก็บนิดหน่อยเพราะเงินเดือนที่ได้ส่งกลับบ้านหมด มีเหลือใช้แค่เดือนละ 1,000 บาท แต่ว่าเค้ากินอยู่กับเรานะ มีอยู่วันนึงก็คุยไปคุยมาเลยรู้ว่าเค้าไปกู้เงินเพื่อนคนพม่า ดอกเบี้ยร้อยละ 2 เพราะจะไปหุ้นซื้อที่สวนยางที่พม่ากับพี่สาวที่เป็นแม่บ้านเหมือนกัน ช็อคเลย ไม่ใช่ตกใจว่าเค้าจะซื้อที่นะ แต่ตกใจเรื่องดอกเบี้ย เพราะมันตั้งปีละ 24% !!!!! จะเป็นลม ค่าที่ทั้งหมด 5 หมื่น บาท เค้าหุ้นกับพี่คนละครึ่ง แต่ก็ต้องไปกู้เพื่อนมา 10,000 บาท เราก็เลยตกลงกับเค้าว่าเดี๋ยวจะให้ยืมเงินไม่คิดดอกเบี้ย แล้วเค้าผ่อนเอาเดือนละ 1,000 บาท สิบเดือน แต่ต้องรีบเอาเงินไปคืนเพื่อนซะ โชคดีที่เค้าเพิ่งยืมเงินมาไม่ถึงอาทิตย์ แล้วเพื่อนก็ไม่ได้เป็นพวกกู้นอกระบบ เลยยอมให้คืนเงินแต่โดยดีไม่มีดราม่าอะไร และไม่ต้องเสียดอกเบี้ยด้วย
คราวนี้ก็เลยมีโอกาสถามเค้าว่าที่ผ่านมามีเงินเก็บบ้างรึเปล่า ถึงได้รู้ว่าตลอดมาว่ามีเงินก็ส่งไปให้ที่บ้านปลูกบ้าน ส่งเงินให้น้องเรียนมหาวิทยาลัยที่พม่าหมด ตัวเงินมีเงินแค่เท่าที่ซื้อที่สวนยางเท่านั้น เราก็เลยก่ายหน้าผากทันที มันไม่ใช่ละ เกิดแก่ไป กลับไปอยู่พม่าจะเอาเงินที่ไหนกินอยู่หล่ะ ตายๆๆๆๆๆ
10 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก เมื่อวีผ่อนเงินเสร็จแล้วเลยจับเข่าคุยกันใหม่ แนะนำให้เค้าเปิดกองทุนพวกพันธบัตรเพื่อฝากเงินประจำเดือนละ 1,000 บาท เพราะตอนนี้ไม่ต้องคืนหนี้แล้วหนิ
ตอนที่พาวีไปธนาคารครั้งแรกเค้าตื่นเต้นมากกกก ตัวเกร็งเพราะเป็นคนต่างด้าว รู้สึกว่าการไปธนาคารมันเป็นเรื่องยาก ซับซ้อน แถมเปิดกองทุนอีก ดูงงไปหมด เอกสารก็เยอะแยะ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็งงเหมือนกันที่จะเปิดบัญชีเพราะไม่เคยทำให้คนต่างด้าว ^_^ แต่เพราะตัวเองเป็นลูกค้าประจำ ทางธนาคารก็เลยวางใจและช่วยทำเรื่องให้เรียบร้อย หลังจากนั้นสิ้นเดือนก็จะคอยถามเค้าว่าจะฝากเงินไปธนาคารมั้ย เค้าก็ฝากเงินมาให้ทุกเดือนเดือนละ 1,000 บาท ผ่านไปซักพักก็จะคอยให้กำลังใจโดยบอกเค้าว่า เนี่ย วีไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้ได้ดอกเบี้ยแล้วนะ 200 บาท เค้าก็ดีใจมาก
พอฝากได้ซักครึ่งปี เงินก็เริ่มเยอะขึ้นเป็น 6,000 บาท ตัวเราก็ซื่อ ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ในว่าทุกเดือนที่วีเอาเงินมาให้เราฝากธนาคาร เราทำให้ทุกเดือน ก็เลยจะเอาสมุดบัญชีกองทุนให้ดู ปรากฏว่าวีบอกว่า "ไม่เอาค่ะ ไม่ต้องเอามาให้ดูนะคะ เดี๋ยวรู้ว่าเงินเยอะจะส่งกลับที่บ้าน" เจ๋งอ่ะ เค้ารู้จักตัวเองว่าเป็นคนยังไง และวิธีไหนที่จะควบคุมตัวเองได้ เพราะคนเราพอรู้สึกว่าเงินเยอะก็จะใช้ไปเรื่อย สุดท้ายก็ไม่เหลือเก็บ
เมื่อสิ้นปี 58 ที่ผ่านมา ก็ครบ 1 ปี 1 เดือน วีมีเงินเก็บ 34,000 บาท (เป็นเงินฝากเดือนละพันรวม 13,000 บาท แล้วเค้าเอาโบนัสและเงินตรุษจีนฝากเพิ่มด้วย) แถมยังมีดอกเบี้ยตั้ง 500 บาท ปลื้มใจมากๆ เลย แล้วปีนี้เค้าก็ยังจะทำต่อเนื่องอีก ดอกเบี้ยสิ้นปี 59 น่าจะได้ซัก 1,000 บาท เพราะมีเงินต้นเดิมบวกกับเงินของปีนี้ที่ฝากทุกเดือน
หวังว่าวิธีง่ายๆ ของแม่บ้านชาวพม่า จะช่วยให้มนุษย์เงินเดือน หรือฟรีแลนซ์ มีเงินเก็บกันได้มากขึ้นนะคะ ถ้าอ่านแล้วชอบฝากแชร์กันหน่อยนะคะ เพื่อคนรอบข้างของเราจะได้มีเงินเก็บไม่มีหนี้
ไว้วันหลังจะมาเล่าอีกเรื่องที่แนะนำเพื่อนที่เป็นครูให้เก็บเงินจนตอนนี้เงินเก็บเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวละ ^_^