"...แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือน ทั้งพุทธจักรแลอาณาจักรปฤกษาพร้อมกันว่า สมเด็จพระอนุชาธิบดี เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทวาวงษพงศอิศรกระษัตริย์ แลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศร์รังสรรทรงพระปรีชารอบรู้ราชประเพณีผู้ประเสริฐล้ำเลิศ ในพระบรมราชวงษ จึงพร้อมกันขออันเชิญเสด็จเถลิงถวัลยราช มไหสวริย์สืบมหันตมหิศรราชวงษดำรงศิริราชสมบัติฃัติยราชประเพณี พระมหากระษัตราธิราชเจ้าลำดับต่อไป..."
แต่ไม่มีความตอนใดในพงศาวดารที่ระบุถึงสาเหตุของการสถาปนากษัตริย์ขึ้นพร้อมกันถึงสองพระองค์ในครั้งนั้น แม้กระทั่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เบื้องแรกก็ยังไม่ทรงทราบถึงสาเหตุดังกล่าว จนกระทั่งได้มาทราบความเอาเมื่อล่วงถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จากคำบอกเล่าของเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) ซึ่งขณะนั้นมีอายุกว่า 80 ปีแล้ว
ความตอนนี้ สมเด็จฯ กรมพระยงดำรงฯ ทรงเล่าไว้ใน "นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๙ เรื่อง เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดินสองพระองค์" ว่า
"เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวใกล้จะสวรรคต สมเด็จเจ้าพระยาฯ [สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ บิดาของเจ้าพระยาภาณุวงศ์ฯ] ไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงผนวชอยู่ ณ วัดบวรนิเวศฯ กราบทูลให้ทรงทราบว่า จะเชิญเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสว่า ถ้าจะถวายราชสมบัติแก่พระองค์ ขอให้ถวายแก่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ซึ่งตรัสเรียกว่า ‘ท่านฟากข้างโน้น' ด้วย เพราะพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ พระชาตาแรงนัก ตามตำราโหราศาสตร์ว่า ผู้มีชาตาเช่นนั้นจะต้องได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าทรงรับราชสมบัติแต่พระองค์เดียว จะเกิดอัปมงคล ด้วยไปกีดบารมีของสมเด็จพระอนุชา แม้ถวายราชสมบัติด้วยกันทั้งสองพระองค์ จะได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระอนุชาให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินด้วยอีกพระองค์หนึ่ง เหมือนอย่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสถาปนาสมเด็จพระเอกาทศรถเป็นพระเจ้าแผ่นดินด้วยกัน เช่นนั้นจึงจะพ้นอัปมงคล"
คำอธิบายที่ว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวมี "พระชะตาแรง" พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงสถาปนาให้เป็นพระมหากษัตริย์คู่กัน เพื่อป้องกันการเกิดอัปมงคลจึงมีที่มาจากสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ซึ่งทรงรับฟังต่อมาจากเจ้าพระยาภาณุวงศ์ฯ อีกที มิได้มาจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โดยตรง
แต่ เทพ สุนทรศารทูล ผู้รู้ด้านโหราศาสตร์ได้แสดงความเห็นต่างออกไป โดยกล่าวว่า พระชะตาของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ นั้นไม่อาจแข่งรัศมีกับพระชะตาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้เลย แต่มีลักษณะชะตาที่ส่งเสริมกันมากกว่า โดย เทพ อธิบายว่า